ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

Cherry Blossom is blooming now ~แล้วซากุระก็จะบาน~

ชื่อหนังสือ - Cherry Blossom is blooming now ~แล้วซากุระก็จะบาน~ เรื่องและภาพ - Hayashi Kisara จำนวนหน้า - 294 สำนักพิมพ์ - ทำมือ version - Meb Ebook อ่านจบเมื่อ - 28 มิถุนายน 2562 เรื่องย่อ     รุจิกรไม่ได้ทุนเรียนต่อ ทั้งที่อีก 1 ปีก็จะเรียนจบปริญญาโทแล้ว หญิงสาวจึงต้องย้ายออกจากหอเด็กทุน รุจิกรเจอ เซจิ อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์มาหาที่อยู่ใหม่กับบริษัทนายหน้าเช่นเดียวกัน เซจิให้รุจิกรยืมค่าเทอม แลกกับการช่วยโกหกว่าเป็นแฟนเขาเพื่อให้ครอบครัวสบายใจ และเเลิกเซ้าซี้เรื่องแต่งงาน เลยตกกระไดพลอยโจรต้องย้ายไปอยู่อพาทเม้นของเซจิเพราะพ่อของเขาอาสาจะไปช่วยย้ายของเลยต้องเอาของไปกองไว้ ประกอบกับเธอยังไม่มีที่ไปเพราะทะเลาะกับเพื่อน แถมเซจิก็ไม่ยอมให้เธอย้ายไปอยู่ห้องซ่อมซ่อท่าทางอันตราย     ในสายตาเซจิ รุจิกรทำอะไรก็น่าเป็นห่วงจนต้องกำชับว่าไม่ว่าจะทำอะไรต้องปรึกษาเข้าก่อน ร่วมถึงฮิโรฟุมิน้อยชายของเซจิก็คอยช่วยเหลือเธอ ทำให้ทั้งคู่สนิทกันจนเกิดข่าวลือว่าทั้งสองคนคบกันซึ่งก็ถือเป็นเรื่องเพื่อช่วยกลบเรื่องจริงที่เปิดเผยไม่ได้     พอได้อยู่ใต้ชายคาเดียวกันสักพัก รุจิกรมีใจ

เมนูกรุ่น อุ่นไอรัก

ชื่อภาษาไทย เมนูกรุ่น อุ่นไอรัก ชื่อภาษาญี่ปุ่น Amaama&Inazuka เรื่อง และ ภาพ Gido  Amagakure จำนวนเล่ม 12 สำนักพิมพ์ Siam Inter Comics version Meb Ebook อ่านเมื่อ 26 มิถุนายน 2562 เรื่องย่อ      ภรรยาของโคเฮเพิ่งเสียไปครึ่งปี แถมตัวเองยังเป็นคนทานน้อยมาแต่ไหนแต่ไร ทำให้ละเลยเรื่องอาหารการกินไปบ้าง จนได้ไปชมดอกไม้และพบกับหญิงสาวที่กินข้าวกล่องไปร้องไห้ไป สึมุกิลูกสาวสนใจ โคโทริจึงให้นามบัตรร้านของแม่ไว้     สึมุกิมีอาการเหมือนชีวิตขาดความสุขในการกิน อินุสึกะจึงพาไปที่ร้านตามนามบัตรที่ให้ไว้ โคโทริพยายามทำอาหารให้ทานทั้งที่ดูก็รู้ว่าเธอทำกับข้าวไม่เก่ง ท่าทางเอร็ดอร่อยของสึมุกิ และคำขอร้องว่ามาทำกับข้าวแล้วทานด้วยกัน ตอนแรกอินุสึกะตั้งใจจะปฏิเสธ แต่เพื่อสึมุกิจึงตัดสินใจขออนุญาตคุณแม่ของโคโทริ และรับปากเพื่อเรียนวิชามาทำอาหารให้สึมุกิไปในตัว      สึมุกิขึ้น ป.1 โคโทริเองก็ใกล้จะจบมัธยมปลาย เพราะได้ทำก๊วนทานข้าวกับสองพ่อลูกทำให้โคโทริตัดสินใจสืบทอดร้านต่อจากแม่ จึงตัดสินใจสอบเข้าโรงเรียนสอนประกอบอาหาร และพยายามจนผ่านการรับตรง ทำให้มีเวลาจัดก๊วนทานข้าว

น้ำค้างเปื้อนสี

ชื่อหนังสือ - น้ำค้างเปื้อนสี เขียน - ภาพิมล จำนวนหน้า - 885 + 63 สำนักพิมพ์ - ทำมือ version - Meb E book อ่านจบเมื่อ - 19 มิถุนายน 2562 เรื่องย่อ     พ่อกับแม่ของน้ำหนึ่งจากไปอย่างกะทันหันเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ กุสุมาป้าซึ่งเป็นพี่สาวของแม่รับหลานสาวมาอยู่ด้วยที่กรุงเทพฯ ป้าเป็นแม่ม่ายสามีตาย มีฐานะมั่งคงทั้งจากมรดกและน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ป้ามีแฟนใหม่อายุน้อยกว่ามากชื่อว่าดัสกร ซึ่งมีลูกชายติดอายุไล่เลี่ยน้ำหนึ่ง ชื่อ ดรัณ ซึ่งเขากำลังจะรับมาอยู่ด้วย โดยหวังให้จับคู่กับน้ำหนึ่งเพื่อให้เรือล่มในหนอง    เพื่อนร่วมบ้านคนใหม่อย่างดรัณกลับไม่เป็นมิตรอย่างที่น้ำหนึ่งคาดหวัง ฝ่ายดรัณเมื่อรู้ว่าพ่อคาดหวังให้เขาเกาะติดน้ำหนึ่งก็ยิ่งทำตรงข้ามด้วยการแก้อีกฝ่าย ยิ่งน้ำหนึ่งเห็นเขาขโมยจูบกุสุมาเพราะความอยากรู้อยากลองยิ่งทำให้ดรัณแกล้งน้ำหนึ่งอยู่เรื่อย เด็กสาวจึงพยายามหลีกเลี่ยงอีกฝ่ายเท่าที่จะทำได้ ยิ่งดรัณรู้ว่าหากเขาจับน้ำหนึ่งไม่สำเร็จ เมื่อคุณแอ๊วจากไปพ่อของเขาจากไม่อยู่เฉยทำให้ดรัณยัดเยียดให้น้ำหนึ่งรู้ตัวว่าไม่มีใครรักเธอจริงเหมือนกับเขา ยิ่งน้ำหนึ่งตอบโต้เขายิ่งฝืนเอาชนะจน

ฮ่องกง วันที่ 5

         เช้าวันสุดท้ายในฮ่องกง ตื่นมาพร้อมสายฝนพร่ำที่ไม่ได้เจอมา 3 วัน ผิดกับพยากรณ์อากาศก่อนมา เหมือนบอกลา หลังจากอาบน้ำเก็บของเอากระเป๋าไปฝากที่ Front desk ซึ่งมีคนมาฝากก่อนแล้วกองใหญ่ ๆ เพื่อนสาวจะมุ่งหน้าไปสนามบินก่อน ส่วนเราเดินทางฉายเดี่ยวไปยังที่หมายสุดท้าย Hong Kong Museum of History เดินออกจากไฟฟ้าออกมาเจอย่านการค้า และพี่ Google Map ที่เหมือนจะพาเดินเข้าซอย อาศัยเดินตามป้าย กับดูรูปอาคารก็พาตัวเองมาถึงจุดหมายจนได้ ไปถึงเตรียมควักตังค์เต็มที่ แต่พิพิธภัณฑ์ที่นี่ให้เข้าชมฟรีจ้า ในส่วนการเล่าเรื่องก็จะเริ่มจากห้องที่ 1 The Natural Environment เล่ากันตั้งแต่เปลือกโลกเมื่อ 400 ล้านปีก่อน จนถึงตอนเกาะฮ่องกงโผล่ขึ้นมาเมื่อ 6,000 ปีก่อน และเล่าถึงสภาพธรรมชาติ         ห้องที่ 2 Prehistoric Hong Kong ที่เริ่มมีมนุษย์ แล้วก็ไล่ไปตามขั้นยุคเริ่มจากหิน เหล็ก ก่อนที่จะเข้าห้องที่ 3 The Dynasties : From the Han to the Qing ซึ่งคนจีนแผ่นดินใหญ่เริ่มย้ายถิ่นเข้ามา ซึ่งสื่อผ่านข้าวของเครื่องใช้พวกเครื่องปั้นดินเผา         ห้องที่ 4 Folk Culture in Hong Kong ตั้งแต่จุดนี้เป็นต้

ฮ่องกงวันที่ 4

            วันที่ 4 เช้านี้เริ่มกันที่วัดกลางเมืองกันก่อน วัด Wang Tai Sin องค์ประธานของวัดนี้คือ ท่านหวังต้าเซียน เดิมว่ากันว่าท่านเคยเกิดเป็นเต่าทองคำหน้าบัลลังก์เง็กเซียนฮ่องเต้ เห็นว่าโลกมนุษย์แห้งแล้ง จึง เปิด “แม่น้ำสวรรค์” ให้ไหลมายังโลกมนุษย์ เพื่อช่วยชาวไร่ ชาวนา จึงถูกลงโทษให้มาเกิดบนโลกมนุษย์ ท่านเลือกเป็นนักพรต ออกเดินทางช่วยเหลือผู้คนทั่วไปจนได้ชื่อว่า “นักพรตที่มีวาจาสิทธิ์” นอกจากองค์ประธานแล้วตรงทางขึ้นมีรูปองค์เทพ เห็นว่าเจ้าแม่กวนอิมที่นี่ให้พรด้านสุขภาพ วิหารข้างก็มีองค์เทพให้บูชาหลายองค์ เจอองค์ไหนพนมมือตั้งจิตสักการะวนไป      ช่วงที่มาทางวัดกำลังปรับปรุง ตัววัดเหมือนโดนผ่ากลาง เลยต้องเดินย้อนลงมาเพื่อไปไหว้ท่านเทพแห่งดวงจันทร์ที่แนะนำสำหรับคนที่จะขอเรื่องคู่ ทางไปมีภาษาไทยเขียนอธิบาย แต่ก็ไปไม่ถูกต้องถาม ที่สุดก็เจอแบบงง ๆ เพราะต้องเดินย้อนออกมาตรงทางขึ้นรถไฟฟ้า แล้วเดินเลยไปเข้าอีกซุ้มประตู ฝั่งนี้ก็มีวิหารเทพอีกหลายหลัง ส่วนท่านเทพแห่งดวงจันทร์มาคราวนี้มีเต้นกันแดดกับฉากหลังเป็นรูปพระจันทร์ให้คนที่มาขอคู่ด้วยจ้า     ออกจากกลางเมืองมุ่งหน้าไป Bus Terminal เพ

ฮ่องกง วันที่ 3

         จุดหมายปลายทางวันที่ 3 คือ เกาะลันเตา ไปไหว้พระใหญ่เทียนถาน เราเลือกเดินทางโดยกระเช้า NgongPing360 เดินทางด้วย MRT ไปลง Tung Chung Station ทางออก B ไปถึงสถานีกระเช้าประมาณ 7 โมง ขนาดวันธรรมดาคนยังเยอะเลยจ้า กระเช้ามีอยู่ 2 แบบ แบบธรรมดา 160 เหรียญ แบบพื้นใส 215 เหรียญ ส่วนตัวอยากลองแบบพื้นใสเหมือนกันแต่ยังไม่มั่นขอแบบธรรมดาก่อน งานนี้ฉายเดี่ยวเลยด้วย เพราะเพื่อนสาวขอแยกไปนั่งรถเมล์ ด้วยความยาว 5.7 กิโลเมตร ข้ามอ่าวใช้เวลา 25 นาที คือถ้าเกิดกลัวความสูงขึ้นมามันลงไม่ได้ไง ส่วนเราแค่กลัวตก พอลองขึ้นแล้วเข้าใจเลยว่าทำไมถึงเป็นจุดแนะนำ วิวที่เห็นจากกระเช้าสวยมาก ๆ แถมกระเช้าก็แน่นหนาวิ่งนิ่งมาก ๆ ไม่น่ากลัวเลย ถ้าได้นั่งกับคนรู้จักรับรองว่าถ่ายรูปกันเพลิน สถานีข้างบนทำเป็นเมืองย่อม ๆ ชื่อ NgongPing village เป็นแหล่งรวมร้านอาหาร แล้วก็พวกโรงหนังเล็ก ๆ            พระพุทธรูปเทียนถานเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งอยู่บนยอดเขาอีกที กับบันไดจำนวน 268 ขั้น มาคราวนี้สองสาวไม่ได้ขึ้นไป ปัญหาไม่ได้อยู่ที่จำนวนบันไดตอนขึ้น แต่เป็นตอนลง บันไดแบบยาว ๆ แบบนี้เวลาลงจะรู้สึกเหมือนจะวูบ ต้องใ

ฮ่องกง วันที่ 2

        วันที่ 2 ตื่นตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพราะวัดแรกของวันนี้เป็นวัดซึ่งเป็นที่นิยมมากในหมู่คนไทย เลยตกลงกันว่าต้องรีบไปก่อนทัวร์จะลง วัดที่ว่าก็คือ วัดแชกงหมิว หรือ วัดกังหันนั่นเอง ออกเดินทางตอนหกโมงเช้า ที่นี่พระอาทิตย์ขึ้นเร็ว ตีห้าฟ้าก็เริ่มสางแล้ว 7 โมงเช้าก็ถึงหน้าวัด แต่ปรากฎว่าประตูวัดยังไม่เปิดจ้า...ไปอ่านป้ายข้างหน้าปรากฏว่าวัดเปิดเวลา 8.00 น. ยกเว้นวันที่ 1 กับวันที่ 15 ตามปฏิทินจันทรคติ กับช่วงเทศกาลถึงจะเปิดเจ็ดโมงเช้า ก็นั่งถ่ายรูปรอไปค่ะ ต้องได้ไปช่วยเปิดประตูกันทุกทริปสิน่า...     ตอนเจ้าหน้าที่วัดมาเปิดประตูมีคนรออยู่ไม่ถึง 10 คน เลยได้ภาพที่หาดูยากซึ่งก็คือวัดโล่ง ๆ มาเป็นที่ระลึก คนท้องถิ่นแต่ละคนเขาพกธูปกันมาเอง ส่วนเราก็เปย์สิคะโดนไป 20 เหรียญฮ่องกง แต่ละหว่างที่เปย์ธูปนั้นสายตาโดนวัตถุมงคลที่วางอยู่ข้าง ๆ เบี่ยงเบนความสนใจ(ให้มันได้อย่างนี้ พระเจ้ายังไม่ทันไหว้ ก็จัดการถ่ายรูปส่ง Line ถามความต้องการกันสักเล็กน้อย เดี๋ยวไว้พระเสร็จแล้วจะมาเปย์      วัดแชกงหมิว หรือ วัดกังหัน  สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงท่านแชกง นักรบผู้ซึ่งปกป้องจักรพรรดิองค์สุดท้าย