ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ฮ่องกง วันที่ 2

  

    วันที่ 2 ตื่นตั้งแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพราะวัดแรกของวันนี้เป็นวัดซึ่งเป็นที่นิยมมากในหมู่คนไทย เลยตกลงกันว่าต้องรีบไปก่อนทัวร์จะลง วัดที่ว่าก็คือ วัดแชกงหมิว หรือ วัดกังหันนั่นเอง ออกเดินทางตอนหกโมงเช้า ที่นี่พระอาทิตย์ขึ้นเร็ว ตีห้าฟ้าก็เริ่มสางแล้ว 7 โมงเช้าก็ถึงหน้าวัด แต่ปรากฎว่าประตูวัดยังไม่เปิดจ้า...ไปอ่านป้ายข้างหน้าปรากฏว่าวัดเปิดเวลา 8.00 น. ยกเว้นวันที่ 1 กับวันที่ 15 ตามปฏิทินจันทรคติ กับช่วงเทศกาลถึงจะเปิดเจ็ดโมงเช้า ก็นั่งถ่ายรูปรอไปค่ะ ต้องได้ไปช่วยเปิดประตูกันทุกทริปสิน่า...

    ตอนเจ้าหน้าที่วัดมาเปิดประตูมีคนรออยู่ไม่ถึง 10 คน เลยได้ภาพที่หาดูยากซึ่งก็คือวัดโล่ง ๆ มาเป็นที่ระลึก คนท้องถิ่นแต่ละคนเขาพกธูปกันมาเอง ส่วนเราก็เปย์สิคะโดนไป 20 เหรียญฮ่องกง แต่ละหว่างที่เปย์ธูปนั้นสายตาโดนวัตถุมงคลที่วางอยู่ข้าง ๆ เบี่ยงเบนความสนใจ(ให้มันได้อย่างนี้ พระเจ้ายังไม่ทันไหว้ ก็จัดการถ่ายรูปส่ง Line ถามความต้องการกันสักเล็กน้อย เดี๋ยวไว้พระเสร็จแล้วจะมาเปย์ 

    วัดแชกงหมิว หรือ วัดกังหัน สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงท่านแชกง นักรบผู้ซึ่งปกป้องจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงค์ซ่งให้อยู่รอดปลอดภัย ความศักดิ์สิทธิ์คือสามารถพัดพาสิ่งที่ไม่ดีออกจากตัว และนำความโชคดีเข้ามาในชีวิตได้ ผู้คนเชื่อว่า การมาหมุนกังหันลมกลับทิศที่วัดนี้ จะช่วยหมุนชีวิตของพวกเขาให้พลิกผันจากร้ายกลายเป็นดีได้ นอกจากนั้นยังเชื่อว่ากังหันลมจะช่วยให้ชีวิตของพวกเขาราบรื่น เงินทองวิ่งฉิว ดังกังหันที่กำลังลู่ลมนั่นเอง

    จุดธูปไหว้ตรงกระถางธูปตรงหน้าแล้วก็เข้าไปไหว้ด้านใน วัดโล่งถูกใจจริง ๆ ท่านจะได้ฟังได้ยินเราชัด ๆ คุณเพื่อนได้ยินมาว่าถ้าจะให้ครบต้องขอขี้ธุปไปด้วย ก็ไปตักกันตรงกระถางธูปใหญ่ แต่ที่เรื่องใหญ่จริง ๆ คงเป็นจำนวนของฝากและฝากซื้อที่กวาดเงินฮ่องกงจนหมดกระเป๋า ได้ลองกดเงินนอกประเทศครั้งแรกก็ตอนนี้เอง เอาเข้าจริงก็ไม่ยากลุ้นนิดหน่อยเพราะรอบแรกลืมดูว่าปุ่มบนเครื่อง ATM มันไม่เหมือนฝั่งไทย ก็กดออกมาได้ตลอดรอดฝั่ง จริง ๆ แอบติดใจ ยอมเสียเงิน 100 นึงแลกกับความสบายใจ ไม่ต้องถือเงินเยอะแยะเดินไปเดินมา

  

    วัดที่ 2 ของวันนี้คือวัดนางชีฉีหลิน มาถึงตอนสาย ๆ ตอนแรกกะว่าจะมากินอาหารเจที่นี่ ดีว่าก่อนเข้าสวนหนานเหลียนซึ่งเป็นสวนขนาดใหญ่ก่อนจะข้ามไปตัววัด ไปเจอป้ายอาการเจซะก่อน ราคาขั้นต่ำอยู่ที่ 350 เหรียญ โชคดีเพื่อนสาวแพ็คขนมปังทาแยมไปด้วยเลยมีของประทังหิว เพราะถ้าไม่กินของเขาก็ต้องดูให้เสร็จก่อน วัดนี้กว้างเสียด้วย และต้องหยุดยืนกินกันก่อนเข้าสวนเพราะเขาไม่ให้เอาอาหารเข้า 

    สวนหนานเหลียนอยู่ฝั่งตรงข้ามของตัววัด เจอบอนไซกับอาคารไม้แบบหนักแน่นตามแบบสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น เห็นแล้วคนชอบบ้านไม่อย่างเรามีกรี๊ดเพราะมันสวยมาก ๆ แต่เป็นแบบที่คนธรรมดาเอื้อมไม่ถึงค่ะ เสาต้นเดียวยังไม่ได้เลย แถวนี้ถึงจะมีต้นไม่เยอะ แต่ส่วนใหญ่เป็นสนกับบอนไซ ไม่ได้ให้ร่มเงาสักเท่าไหร่ ดีที่ระหว่างทางมีอาคารแสดงโมเดลอาคาร หิน ศาลาให้แวะบ้าง แต่นอนนั้นมีอุปกรณ์กันแดดอะไรบ้างงัดออกมาเลยค่ะ และที่ที่สำคัญอย่าลืมพกน้ำไปด้วย เดินวนครบรอบก็ได้ฤกษ์เดินข้ามไปวัดนางชี

     ในส่วนของวัดนางชีเงียบสงบดีค่ะ เนื่องจากวัดนี้ยังมีแม่ชีจำวัดอยู่จริง ๆ และอนุญาติให้ถ่ายรูปได้แค่ตรงหน้าอาคารหลัก ตรงทางเดินหินด้านหน้าเป็นบ่อบัว เห็นแล้วนึกถึงปราสาทท่านโชกุนในเรื่องอิคคิวซัง เดินเข้าข้างในจะทางเดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมจะว่าไปผังก็คล้าย ๆ วัดมังกรกมลาวาส ที่เยาวราช เดินไหว้พระวนไปเลยค่ะ ระหว่างเดินอยู่เราจะได้ยินเสียงสวดมนตร์ลอยมาเบา ๆ ใครชอบบรรยากาศสงบ ๆ แนะนำเลย


  

    เพราะผิดแผนจากวัดนางชี้ ข้าวเที่ยงวันนี้เลยมาออกที่ห้างระหว่างเปลี่ยนรถไฟเพื่อมุ่งหน้าไป victoria peak มากินราเมนห้างที่ฮ่องกง ราคาอยู่ประมาณสองร้อยกว่าบ้านพอฟัดพอเหวี่ยงกับร้านราเมนที่บ้านเรานี่แหละ อิ่มแล้วก็มุ่งหน้าไปท่ารถเมล์

  
    ถนนขึ้น victoria peak มองจากหน้าต่างรถบัสอยู่ในระดับหวิว ๆ แต่ด้วยความแน่นหนาของรถ ความเร็ว กับประสบการณ์ที่เคยนั่งรถขนหมูขึ้นพระธาตุอินทร์แขวนมาแล้ว ชิล ๆ  ถึงข้างบนตั้งแต่บ่าย 3 โมง น่าเสียดายที่รถรางปิดซ่อม งั้นอยู่ให้ดึกหน่อย รอดู symphomy of life จากมุมสูงก็แล้วกัน สำหรับทางเดินชมธรรมชาติข้างบน victoria peak ซึ่งเป็นทางเดินเลียบกำแพงหินเทียม สังเกตุจากที่มีจุดเฝ้าระวังชั้นดินเป็นระยะ ๆ แต่ก็มีตะไคร่น้ำคลุมทับทำให้กลมกลืน ฮ่องกงถึงจะเป็นเมืองที่มีคนหนาแน่น แต่ถ้าตรงไหนเป็นโซนสีเขียวก็ดูแลได้ดี ระหว่างเดินรู้สึกถึงอากาศบริสุทธิ์ แต่เสียดายทางเดินไม่ได้วนรอบเขาอย่างที่คิด เดินไปได้สัก 15 นาทีก็ต้องเดินกลับ เลยจุดนี้ไปเป็นทางร่วมที่รถวิ่งได้ เพื่อความปลอดภัยไม่ไปดีกว่า วกมาเดินตรง The Peak Tower มีพิพิธภัณฑ์มาดามทุซโซ่แต่ไม่ได้เข้าไป เปย์ของที่ระลึกก็แล้ว เดินจนเมื่อยก็ยังไม่ค่ำสักที สุดท้ายก็ต้องระเห็ดออกมานั่งรอพระอาทิตย์ตกตรงบันได แล้วไปเดินวนอีกรอบ ขากลับทัน symphony of life พอดี จากตรงนี้เห็นแต่ไฟไม่ได้ยินเสียง

        อาหารเย็นวันนี้ไปกินโจ๊กร้านที่คนฮ่องกงกินกัน ราคา 51 เหรียญ ให้เยอะจนกินไม่หมด กินไปมองคนเสิร์ฟไป มีอยู่คนเดียวทำได้ทุกอย่าง ทำงานเก่งมาก กลับมาถึงที่พัก ได้ลองเต้าหูเหม็นนิดหน่อย ก็กินได้อยู่ จะเด็ดไม่เด็ดเราว่าอยู่ที่น้ำจิ้ม

อ้างอิงข้อมูล
1. ตามหาความโชคดีที่ วัดแชกงหมิว พร้อมวิธีไหว้และการเดินทาง, https://www.mushroomtravel.com/

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชมรมรัก คลับมหาสนุก

ชื่อเรื่องภาษาไทย ชื่อเรื่องภาษาญี่ปุ่น ชมรมรัก คลับมหาสนุก ouran koukou host club เรื่อง และ ภาพ Bisco  hatori จำนวนเล่มทั้งหมด 18 สำนักพิมพ์ อ่านจบเมื่อ บงกชคอมมิคส์ 30 กรกฎาคม 2557 เรื่องย่อ            ฮารุฮิ เข้าเรียนในโรงเรียนโอรัง ที่แสนจะไฮโซด้วยทุนเรียนดี เธอใช้ชีวิตนักเรียนมัธยมปลายด้วยการแต่งตัวเป็นนักเรียนชาย     วันหนึ่งระหว่างหามุมสงบ ฮารุฮิเดินหลงเข้าไปในห้องดนตรี 3 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ host club ชมรมสุดเว่อร์ของโรงเรียน แถมยังซุ่มซ่ามไปทำแจกันราคา 8 ล้านเยนแตก รุ่นพี่ที่ชมรมจึงบังคับให้ฮารุฮิทำงานชดใช้  ฮารุฮิถูกจับแปลงโฉมเป็นหนุ่มน้อยหน้าสวยกลายเป็นหนึ่งใน Host ของชมรมที่รวบรวมสุดยอดหนุ่มเจ้าเสน่ห์ของโรงเรียน       ฮารุฮิรู้ตัวว่าชอบทามากิ แต่ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้าเพราะทามากิมีปมในจิตใจเรื่องครอบครัว สิ่งใดก็ตามที่อาจทำลายครอบครัวที่เขาสร้างขึ้น เจ้าตัวจะปฏิเสธโดยอัตโนมัติ ครอบครัวของทามากิหมายรวมสมาชิกชมรมโฮสท์คลับด้วย ฮิคารุจึงตัดสินใจบอกรักฮารุฮิ ซึ่งเป็นการทำตามความรู้สึกของตัวเองแต่ก็อยากช่วยกระตุ้นให้ทามากิทำความเข้าใจความรู้สึกของตัว

ปฐพีไร้พ่าย

    ชื่อเรื่อง ปฐพีไร้พ่าย เขียน Jiulufeixiang แปล Hongsamut จำนวนหน้า 865 สำนักพิมพ์ Hongsamut version Meb E book อ่านจบ 19 มีนาคม 2561 เรื่องย่อ      สิงอวิ๋นซื้อไก่ที่โดนถอนขนจนเหี้ยนผอมแห้งแรงน้อยมาจากตลาด ไก่ตัวนั้นคือ เสิ่นหลี อ๋องปี้ชางแห่งแดนอสูร นางหนีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์และพลาดท่าถูกกองทัพที่มาเชิญนางกลับแดนอสูรตามบัญชาของจอมอสูรทำร้ายจนบาดเจ็บ สิงอวิ๋นให้นางกินหมั่นโถวเป็นอาหาร จับเจ้าไก่ไร้ขนอาบน้ำ แถมยังใช้ให้เฝ้าบ้านเหมือนแกล้งกัน เพราะเขารู้ว่าไก่ตัวนี้ไม่ใช้ไก่ธรรมดา เสิ่นหลีจึงพยายามหนีจากเขาทันทีที่ร่างกายแข็งแรงพอแต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะโดนจับลงหม้อเป็นไก่ตุ๋น สุดท้ายก็ต้องกลับมาตายรัง และเพราะสิ่งอวิ๋นอยากจะซื้อเนื้อให้เจ้าไก่โง่ของเขากิน ถึงได้เผยความสามารถที่ปกปิดมาตลอดจนผู้อื่นเข้าใจว่าเขาเป็นเทพพยากรณ์จนเรื่องราวเลยเถิดกลายเป็นความขัดแย้งกับองค์รัชทายาท เสิ่นหลีปกป้องชายหนุ่มไว้ได้ก็จริง แต่เมื่อบ้านที่สงบสุขถูกเผาจนวอด แค้นนี้ต้องชำระ สิงอวิ๋นจึงเสนอความช่วยเหลืออ๋องยุ๋ย โอรสที่เกิดจากพระสนมให้ชิงตำแหน่งรัชทายาท เสิ่นหลีใจจริงไม

ยามเมื่อลมพัดหวน

  ชื่อเรื่อง ยามเมื่อลมพัดหวน เขียน วาณิช จรุงกิจอนันต์ จำนวนหน้า 188 สำนักพิมพ์ บูรพาสาส์น (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 กันยายน 2536)     เรื่องย่อ      การบูรเหมือนนกในกรงทองของพ่อกับแม่ ผิดกับน้องชายที่ได้ไปเรียนถึงประเทศอังกฤษ แต่ละวันการบูรต้องปวดหัวกับการรับมือผู้ชายที่เข้ามาติดพัน ซึ่งแต่ละคนต่างมีพ่อกับแม่ของเธอคอยถือหางทำให้การบูรไม่สามารถตัดรอนได้ เมื่อความเครียดสะสมมากเข้าหญิงสาวจึงขออนุญาตพ่อและแม่ไปหาน้องชายที่อังกฤษ วันที่การบูรไปถึงพาทีประสบอุบัติเหตุรถชนจนขาหัก ชงจึงอาสาไปรับการบูรให้ แต่พาทีเห็นชงเป็นคนเนื้อหอม เลยโกหกว่าการบูรแต่งงานแล้ว มีลูกสาว 1 คน และเขียนจดหมายฝากชงไปเตี้ยมกับการบูร โดนใส่ไฟว่าชงเป็นเสือผู้หญิง ให้การบูรระวังตัว ชงพาการบูรมาพักที่บ้านพี่อ้วน พี่แสด รุ่นพี่ที่ปารีสซึ่งคุ้นเคยกัน ชงพาการบูรเที่ยวปารีส ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน การบูรเห็นว่าชงออกจะสุภาพไม่เหมือนกับที่น้องชายบอกมาในจดหมาย ยิ่งเขาเจ็บตัวเพราะช่วยตามโจรวิ่งราวการบูรจึงหายกลัวชายหนุ่ม ชงเองก็เริ่มหวั่นไหวกับการบูรแบบที่ไม่เคยเกิดกับผู้หญิงคนไหน จนเล่าเรื่องรักครั้งแรกที่ทำให้เ