ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

The Untamed Concert (Nanjing) - Global Travel Package Day 1

 


      และแล้ววันเดินทางก็มาถึง...

     เพื่อนสนิทมานั่งคุยเป็นเพื่อนตอนเก็บกระเป๋าครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะอยกกันที่ป้ายรถเมล์ ปกติสองคนไปไหนไปกันมาหลายประเทศ คราวนี้ต้องไปคนเดียวใจชักหวิว ๆ แต่เพื่อให้ได้เจอหน้าอี้ป๋อ เจี่ยยอม...เรา

     ออกเดินทางคืนวันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2563 กับกระเป๋าลากคู่ใจพะยี่ห้อ Rotary ของป๊ะป๋า ตอนนั่งรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งก็ยังใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ กับการเดินทางทริปนี้ และจะไปเจอพี่ที่ไปด้วยกันเป็นครั้งแรกด้วย ตอนเข้าแถวเช็คอินที่เคาเตอร์สายการบิน พี่ที่จะกลายมาอยู่ก๊วนเดียวกันตั้งแต่วันนี้มาถึงก่อนแล้ว รออยู่หัวแถว ส่วนเราอยู่ถัดมาอีก 2 - 3 ขด นัดแนะกันว่าค่อยไปรวมตัวกันหน้า gate ตอนเข้าแถวเริ่มใจมาขึ้นเรื่อย ๆ เพราะข้างหน้าข้างหลังส่วนใหญ่ดูเหมือนจะมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน คือไปดูคอนเสิร์ต แต่ที่ต่างคือเหมือนเราจะเป็นคนที่กระเป๋าค่อนข้างเล็ก(ตามประสาคนแรงน้อย) ต่างคนต่างขนกระเป๋ามาเผื่อใส่สินค้าหน้าคอนเสิร์ตกันเต็มที่ ทั้งซื้อเองและรับหิ้ว ผิดกับดิฉันที่จะกะแค่ไปขนของในห้องเป็นพอ แต่ก็แอบพกถุงผ้าไปด้วยสองสามใบเผื่อเกิดมีงอก555

  


     คราวนี้เราเดินทางด้วยสายการบิน China Eastern กับราคาตั๋วเครื่องบินไปกลับ 10,635 บาท ซึ่งถือว่าราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสายการบิน Low Cost ที่บินในวันเดียวกัน แต่ที่เราเลือกสายการบินนี้เพราะเวลา ออกเดินทางจากประเทศไทยประมาณ 2.20 น. ซึ่งถือเป็นวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 เราจะไปถึงที่หนานจิงประมาณ 7.10 น. ซึ่งเมื่อคิดสาระดะแล้ว หากต้องเดินทางคนเดียวไปลงตอนเช้ามืด ไม่น่าจะไหว เอาเขาจริงเจอฤทธิ์เครื่องดีเลย์ ซึ่งเขาว่าเป็นธรรมดาของไฟล์ทจีน กว่าจะได้ขึ้นเครื่องจริงจังก็เกือบตีสี่ เรียกว่าได้คุยทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมอุดมการชนิดน้ำลายเหนียวคอ เราถึงสนามบินกันเกือบ 9 โมงเช้าตามเวลาที่จีน เสียเวลากับการเรียก DiDi ที่เค้าว่ากันว่าถูกและดี (แต่พี่เขาหาเราไม่เจอ) อยู่พักนึง สุดท้ายก็กลับมาที่คิวเท็กซี่ เราไม่เรียกเอง ใช้วิธียื่นที่อยู่ให้คนที่เหมือนเจ้าหน้าที่ดูแล เขาเลือกเท็กซี่ทีดูพอจะรับมือชาวต่างชาติได้ และให้เสร็จสรรพ ข้อดีอีกอย่างคือพี่แกขับตามเส้นทางใน Map แป๊ะ ไม่มีออกนอกลู่นอกทาง มาถึงโรงแรมตอนประมาณ 10 โมงครึ่ง โต๊ะลงทะเบียนตั้งเรียบร้อยแต่ยังไม่แจกบัตร ต้องรอเที่ยง แต่คนเริ่มลงเครื่องเข้ามารอ ทาง Staff เลยเปิดให้ลงทะเบียนตอน 10.30 น. โดยให้ลงชื่อแจกบัตรคล้องคอ และจับสลากซองบัตรแบบแพ็คคู่ แต่ก็ยังเช็คอินไม่ได้จ้า ต้องรอเที่ยง เลยฝากกระเป๋าแล้วเดินไปสำรวจห้างข้าง ๆ ทำเลที่พักของเราถ้าให้เปรียบเทียบคงเหมือนย่านสุขุมวิทที่เต็มไปดด้วยห้างร้านแต่คนไม่ได้พลุกพล่านมาก เดินวนรอบนึงสุดท้ายมาตายรังที่ร้านสะดวกซื้อจ้า...ซื้อมันฝรั่งทอดรถแตงกวาตามป๋อมาชิม กับขนมปังอีกนิดหน่อย หิวนะแต่ง่วงมากกว่า... เพราะกว่าจะเช็คอินเข้าห้องได้ก็เกือบบ่ายโมงครึ่ง เพราะเครื่อง Scan Passport ของโรมแรมไม่ค่อยดี เราได้ห้องเบอร์ 0807 เฉียด 0805 ไปนิ๊ดดดเดียว ใครได้นอนห้องนั้น แล้วเป็นติ่งป๋อคงมีกรี๊ดพอ ๆ กับคนที่ได้นอนห้อง 1005 แล้วติ่งจ้าน555

 
 

     ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นอนโรงแรม 5 ดาวโดยใช้เงินตัวเองจ้า555 กับโรงแรมที่มีชื่อว่า Golden Eagle Summit Hotel  เปิดห้องมาเข้าใจเลยจ้าว่าทำไมถึงใช้เวลาเช็คอินนาน ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะต้องใช้เวลาในการจัดเรียงสินค้าในแต่ละห้องให้ลูกค้าประทับใจ ซึ่งก็ประทับใจจริง ๆ จ้า โดยเฉพาะตรงโต๊ะทำงาน เราได้ห้องเตียงคู่ แต่นอนคนเดียวแบบชิล ๆ เลยตัดสินใจทิ้งเตียงที่วางสินค้า official ไว้ชื่นชมอีกสักคืน ตอนแรกว่าจะทิ้งตัวลงนอนสักหน่อยเพราะง่วงมาก แต่วุดท้ายก็ไม่ได้หลับจ้า กลัวปิดสวิตซ์แล้วยาว...เลยเน้นเล่นมือถือรอ สลับกับเเริ่มหม่ำของกินที่วางไว้ให้ในห้อง เริ่มจากนมพีชของพี่จ้าน เพราะมีเวลาแค่ชั่วโมงเดียวก็ต้องอาบน้ำแต่งตัวลงไปรอขึ้นรถ  

   

    บ่ายสามโมงครึ่งรถบัสรับส่งระหว่างโรงแรม กับ สนามกีฬาที่จัดคอนเสิร์ตก็ถอยเข้ามาจอด เห็นถึงความทุ่มทุนสร้างของงานนี้เลย เพราะเล่นสกรีนรถบัสทั้งคันเพื่อความพรีเมี่ยมของงานนี้โดยเฉพาะ เลยได้โอกาสออกมาเดินถ่ายรูปรับลม  พอสี่โมงก็ได้เวลาต้อนขึ้นรถโดยใช้ชื่อผู้ดูแลเป็นเกณฑ์ ของเราผู้ดูแลชื่อฟรานซิสจ้า มาก็แจกเสบียงกันเลยครับ นับถือการพยายามทำให้ทุกอย่างเป็น the untamed ด้วยการแปะสติ๊กเกอร์บนถึงของว่าง555 ว่าแล้วก็ตุนแซนวิซใส่ท้องไว้ก่อนเลย คันนี้เป็นรถที่เด่นมาก มีคนยกกล้องถ่ายรูประหว่างทางจนถึงสนามกีฬาตลอด พอเลี้ยวเข้าเท่านั้นแหละป้ายบ้านนักแสดงจัดมากันเต็มที่ ทางเข้าคนเบียดกันขั้นสุด ต้องระวังทั้งบัตรทั้งกระเป๋า เนื่องจากต้องแสดงบัตรให้ส่องตรวจกันตั้งแต่ทางเข้า

  

     เดินเข้ามาใน Nanjing Youth Olympic Sports Park Gymnasium สถานที่จัดคอนเสิร์ต ก็เตรียมเข้าห้องน้ำห้องท่าที่น้ำไม่ไหล และต้องฉี่ทับ ๆ กันไป กับต้องระวังคนไม่ล็อคประตูห้องน้ำ 555 ก็ได้เดินเข้ามาในส่วนของสถานที่จัดแสดงจริง ๆ ถ้าจะให้เปรียบเทียบพื้นข้างล่างประมาณ impact arena แต่ไม่ชันเท่า ที่นั่งเราก็ประมาณ zone SH impact บ้านเรา ไกลหน่อย แต่ตรงเวทีและไม่ต้องเมื่อยคอเหมือนนั่งพื้นราบ ซึ่งเราก็เตรียมตัวด้วยการเปย์กล้องส่องทางไกล และพกไปด้วย 555 ส่วนเรื่องกล้องที่ประกาศห้ามนักห้ามหนาว่าห้ามเอาเข้า พอถึงที่นั่งแม่จีนเล่นบ้องส่องทางไกลกันมาเป็นเป็นทิวแถว ใจนึงก็เสียดายแต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าดีแล้วจะได้ไม่ต้องพะวงเรื่องถ่ายรูป มาเก็บความทรงจำด้วยตาเนื้อกันดีกว่า

 

    เปิดเวทีด้วยเพลง valuable โดย Naomi Wang ในชุดสีขาว พอเพลงจบก็ได้หวีดกันแบบหูดับ กับนักแสดงยกทีมที่ขึ้นมาบนเวที อี้ป๋อ...ในที่สุดเราก็ได้เจอกัน วันนี้หล่อมาก ๆ เหมือนเดิม ส่วนเซียวจ้านดูเหนื่อย ๆ อย่างเห็นได้ชัด ก่อนคอนเสิร์ตเห็นว่าไม่ค่อนสบาย โหมงานหนักกันทั้งคนพี่ คนน้อง ระยะจากที่นั่งของเรามองสีหน้าของคนบนเวทีไม่ชัด กล้องส่องทางไกลในเปย์มาในราคา 2,000 บาท มีประโยชน์มากจริง ๆ ในการส่องน้องประหนึ่งนั่งบัตรแถวหน้า แม่ก็ส่องไปยาว ๆ แบบไม่จำเป็นต้องมองจอบาร์โก้ วันนี้ป๋อหล่อมาก ๆ แต่แอบขัดใจชุดเซียวจ้าน ไม่ค่อยส่งน้องเท่าไหร่ ส่วนพี่ไห่ควาน หยกคู่สกุลหลานนั้น ยิ่งยืนคู่กันยิ่งงานดี

 
  
    เปิดช่วงแรกด้วยการเล่นเกมของเหล่านักแสดงนำชายทั้งหลาย โดยแบ่งออกเป็นสองทีม สีฟ้าที่มีอี้ป๋อเป็นหัวหน้าทีม กับสีแดงที่มีเซียวจ้านเป็นหัวหน้าทีม ตอนแจกสัญลักษณ์ทีม อิฉันโครตรักเซ้นแฟชั่นของลูกชาย ที่เลือกผูกริบบิ้นไว้ที่หูกางเกง สมกันเป็นคูลกายของเจี่ยจริง ๆ เนื่องจากเราเป็นสาย Bromance โมเม้นที่เราหวีดสุดตัวคือซีนหยกคู่สกุลหลาน ป๋อตี้ของเจี่ย เวลาอยู่กับพี่ไห่ควานแล้วตัวเล็กตัวน้อยมากเลยค๊าบ 

   


      ยิ่งตอนที่อุปกรณ์การเล่นเกมอย่างรถถีบมาวางแล้วป๋อดึงพวงมาลัยหลุด แล้วเจ้าตัวเหมือนจะ stun ไปแว่บนึง พี่ไห่ควานรีบเอาไปซ่อมให้ คุณชายรองนี่เป็นมาเป็นน้องน้อยให้เขาเลี้ยงทุกกองเลยสินะ รอบแรกหนมเข่งชนะต้าเกอสกุลเนี่ย ป๋อที่เคยไปปรามาศฝั่งพี่ไว้ว่าไม่เคยเล่นเกมชนะนางเลยต้องตบแก้มสามทีเป็นการสำนึกผิด ซีนนี้โครตมุ้งมิ่ง รอบสองหยกคนพี่ชนะท่านนักพรตแบบชิล ๆ รอบสุดท้านได้เวลาหัวหน้าทีมป๋อจ้านดวลกัน คราวนี้คนพี่ใส่แรงไม่ยั้งลากคนน้องปลิ้วเลยจ้า ไม่รู้ว่านางมึนยาด้วยไหม ลากไม่หยุดจนเพื่อนต้องสะกิดให้พอ ยังงงว่าตัวเองชนะ ป๋อบอกว่าพื้นรองเท้าลื่น 
     เกมที่ 2 เหมือนเป็นเกมต่อคำหรือเกมภาษาอะไรสักอย่าง อิฉันซึ่งฟังจีนออกไม่กี่คำส่องน้องยาว ๆ ไป ช่วงนี้คุยกันยาวเหมือนกันเลยแถมมีหันหลังคุยด้วยพ่อเอ๊ย กล้องก็มีความพยายามในการถ่าย คราวนี้ภาพ close up เต็มจอยักษ์ หล่อใสอะไรจะขนาดนั้นครับทูนหัวของเจี่ย 

  



    เกมที่ 3 เขย่าปิงปองออกจากตะกร้า ตัวแทนทีมป๋อมีบอสเนี่ย จิงอี๋ จินกวงเหยา ส่วนพี่จ้านส่งเจียงเฉิง คนงามเมืองอี้ จินหลิง ช่วงนี้ป๋อ เนี่ย อย่างฮาตั้งแต่ป๋อไปช่วยพี่เนี่ยใส่ตะกร้าที่เหมือนแกล้งเพื่อน ไหนจะเนียนเอาลูกปิงปองไปใส่ตระกร้าของจินหลิง แต่ยังไงก็แพ้นะจ๊ะ ทีมป๋อโดนลงโทษ โดยบทลงโทษนั้นถูกกำหนดไว้ในม้วนกระดาษแดงตั้งแต่ต้นเกม ทีมป๋อตั้งอย่างโหดให้เพื่อนตีลังการ้องเพลง ส่วนทีมจ้านลงโทษให้โพสถ์ท่าน่ารัก 5 shot คนอื่นเค้าพยายามเต็มที่ แต่คุณชายหวังใช้วิธียืนยิ้มแล้วขยับนิ้ว 1 2 3 4 5 ตามทำนองเพลงคิโยมิ ตอนแรกพี่จ้านเหมือนจะแกล้งให้ทำอีกรอบแต่สุดท้ายก็ปล่อยไป จบช่วงเกมความยาว 1 ชั่วโมงกับโอกาสให้เราได้ส่องป๋อ
    หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงคอนเสิร์ตยาว ๆ ซึ่งจะขอเล่ารายละเอียดรวม ๆ กันกับคอนเสิร์ตวันที่ 2 เนื่องจากมี live ของ weTV ซึ่งมี subthai ให้อ้างอิงแบบชัด ๆ

  

    ในที่สุดก็ได้ฟังอี้ป๋อร้องเพลงสด ๆ กับเพลง Bu Wang และ เพลงสุดท้าย Wu ji เพราะมาก ๆ ถือว่าบรรลุเป้าหมายอย่างที่ 2 วันนี้พี่จ้านไม่ค่อยสบายเพราะช่วงนี้โหมงานหนัก ป๋อเลยช่วยประสานท่อนเสียงสูงเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระพี่ 

    ตอนเดินกลับรถคนเยอะพอสมควร พยายามเกาะหลังผู้ร่วมทริปที่นั่งละแวกเดียวกัน กลับไปทางที่คุ้น ๆ ว่าเป็นทางที่เดินมาตอนเช้าถึงรถโดยปลอดภัย เข้าที่นั่งได้ก็จัดการสะเบียงส่วนที่เหลือในรถซะเรียบเพราะในคอนไม่ได้กินไม่ได้ดื่มอะไรเลยจ้า 

    ถึงวันนี้จะดูคอนเสิร์ตแบบฟินไม่สุดเพราะความเพลียจากการอดนอน แต่สำหรับเราเป็นคอนเสิร์ตที่คุ้มค่ามาก ๆ เพราะตอนแรกที่ตัดสินใจไปคิดว่าจะมีโอกาสได้เห็นน้องประมาณ 10 นาที ตอนร้องเพลง Bu Wan กับ Wu Ji แต่พอมีช่วงเล่นเกม ทำให้เราได้นั่งมองน้องนาน ๆ การตัดสินใจยอมแซงทางโค้งคราวนี้ เมื่อมาหาน้องนั้นคุ้มจริง ๆ ถึงแม้จะฟังที่เขาคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคกับการหวีด ยิ่งคนที่นั่งข้างขวาเป็นคนไทย ยิ่งได้อารมณ์ เห็นว่าเป็นมาดูคอนเสิร์ตคราวนี้เป็นครั้งแรกเพื่อเซียวจ้าน อุดมการณ์คล้าย ๆ กันเลย 

    ความแปลกที่ไม่เป็นอุปสรรคเลยสักนิด นอนปิดไฟหลับสบาย พรุ่งนี้เราจะยังได้เจอป๋ออีกวัน...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชมรมรัก คลับมหาสนุก

ชื่อเรื่องภาษาไทย ชื่อเรื่องภาษาญี่ปุ่น ชมรมรัก คลับมหาสนุก ouran koukou host club เรื่อง และ ภาพ Bisco  hatori จำนวนเล่มทั้งหมด 18 สำนักพิมพ์ อ่านจบเมื่อ บงกชคอมมิคส์ 30 กรกฎาคม 2557 เรื่องย่อ            ฮารุฮิ เข้าเรียนในโรงเรียนโอรัง ที่แสนจะไฮโซด้วยทุนเรียนดี เธอใช้ชีวิตนักเรียนมัธยมปลายด้วยการแต่งตัวเป็นนักเรียนชาย     วันหนึ่งระหว่างหามุมสงบ ฮารุฮิเดินหลงเข้าไปในห้องดนตรี 3 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ host club ชมรมสุดเว่อร์ของโรงเรียน แถมยังซุ่มซ่ามไปทำแจกันราคา 8 ล้านเยนแตก รุ่นพี่ที่ชมรมจึงบังคับให้ฮารุฮิทำงานชดใช้  ฮารุฮิถูกจับแปลงโฉมเป็นหนุ่มน้อยหน้าสวยกลายเป็นหนึ่งใน Host ของชมรมที่รวบรวมสุดยอดหนุ่มเจ้าเสน่ห์ของโรงเรียน       ฮารุฮิรู้ตัวว่าชอบทามากิ แต่ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้าเพราะทามากิมีปมในจิตใจเรื่องครอบครัว สิ่งใดก็ตามที่อาจทำลายครอบครัวที่เขาสร้างขึ้น เจ้าตัวจะปฏิเสธโดยอัตโนมัติ ครอบครัวของทามากิหมายรวมสมาชิกชมรมโฮสท์คลับด้วย ฮิคารุจึงตัดสินใจบอกรักฮารุฮิ ซึ่งเป็นการทำตามความรู้สึกของตัวเองแต่ก็อยากช่วยกระตุ้นให้ทามากิทำความเข้าใจความรู้สึกของตัว

ปฐพีไร้พ่าย

    ชื่อเรื่อง ปฐพีไร้พ่าย เขียน Jiulufeixiang แปล Hongsamut จำนวนหน้า 865 สำนักพิมพ์ Hongsamut version Meb E book อ่านจบ 19 มีนาคม 2561 เรื่องย่อ      สิงอวิ๋นซื้อไก่ที่โดนถอนขนจนเหี้ยนผอมแห้งแรงน้อยมาจากตลาด ไก่ตัวนั้นคือ เสิ่นหลี อ๋องปี้ชางแห่งแดนอสูร นางหนีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์และพลาดท่าถูกกองทัพที่มาเชิญนางกลับแดนอสูรตามบัญชาของจอมอสูรทำร้ายจนบาดเจ็บ สิงอวิ๋นให้นางกินหมั่นโถวเป็นอาหาร จับเจ้าไก่ไร้ขนอาบน้ำ แถมยังใช้ให้เฝ้าบ้านเหมือนแกล้งกัน เพราะเขารู้ว่าไก่ตัวนี้ไม่ใช้ไก่ธรรมดา เสิ่นหลีจึงพยายามหนีจากเขาทันทีที่ร่างกายแข็งแรงพอแต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะโดนจับลงหม้อเป็นไก่ตุ๋น สุดท้ายก็ต้องกลับมาตายรัง และเพราะสิ่งอวิ๋นอยากจะซื้อเนื้อให้เจ้าไก่โง่ของเขากิน ถึงได้เผยความสามารถที่ปกปิดมาตลอดจนผู้อื่นเข้าใจว่าเขาเป็นเทพพยากรณ์จนเรื่องราวเลยเถิดกลายเป็นความขัดแย้งกับองค์รัชทายาท เสิ่นหลีปกป้องชายหนุ่มไว้ได้ก็จริง แต่เมื่อบ้านที่สงบสุขถูกเผาจนวอด แค้นนี้ต้องชำระ สิงอวิ๋นจึงเสนอความช่วยเหลืออ๋องยุ๋ย โอรสที่เกิดจากพระสนมให้ชิงตำแหน่งรัชทายาท เสิ่นหลีใจจริงไม

ยามเมื่อลมพัดหวน

  ชื่อเรื่อง ยามเมื่อลมพัดหวน เขียน วาณิช จรุงกิจอนันต์ จำนวนหน้า 188 สำนักพิมพ์ บูรพาสาส์น (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 กันยายน 2536)     เรื่องย่อ      การบูรเหมือนนกในกรงทองของพ่อกับแม่ ผิดกับน้องชายที่ได้ไปเรียนถึงประเทศอังกฤษ แต่ละวันการบูรต้องปวดหัวกับการรับมือผู้ชายที่เข้ามาติดพัน ซึ่งแต่ละคนต่างมีพ่อกับแม่ของเธอคอยถือหางทำให้การบูรไม่สามารถตัดรอนได้ เมื่อความเครียดสะสมมากเข้าหญิงสาวจึงขออนุญาตพ่อและแม่ไปหาน้องชายที่อังกฤษ วันที่การบูรไปถึงพาทีประสบอุบัติเหตุรถชนจนขาหัก ชงจึงอาสาไปรับการบูรให้ แต่พาทีเห็นชงเป็นคนเนื้อหอม เลยโกหกว่าการบูรแต่งงานแล้ว มีลูกสาว 1 คน และเขียนจดหมายฝากชงไปเตี้ยมกับการบูร โดนใส่ไฟว่าชงเป็นเสือผู้หญิง ให้การบูรระวังตัว ชงพาการบูรมาพักที่บ้านพี่อ้วน พี่แสด รุ่นพี่ที่ปารีสซึ่งคุ้นเคยกัน ชงพาการบูรเที่ยวปารีส ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน การบูรเห็นว่าชงออกจะสุภาพไม่เหมือนกับที่น้องชายบอกมาในจดหมาย ยิ่งเขาเจ็บตัวเพราะช่วยตามโจรวิ่งราวการบูรจึงหายกลัวชายหนุ่ม ชงเองก็เริ่มหวั่นไหวกับการบูรแบบที่ไม่เคยเกิดกับผู้หญิงคนไหน จนเล่าเรื่องรักครั้งแรกที่ทำให้เ