ชีวิตนี้เคยคิดจะบินไปดูคอนเสิร์ตที่ต่างประเทศครั้งแรก คือคอนเสิร์ต L'arc~en~cial ที่ฮ่องกง ตอนนั้นยังเรียนปริญญาโทอยู่ แต่ต้องหยุดตัวเองไว้ เพื่อนที่ตัดสินใจไปตอนนั้นกลับมาเล่าถึงความฟินที่ได้ใกล้ชิดศิลปิน ตอนนี้มองย้อนกลับไปเราคิดว่าตอนนั้นเราตัดสินใจไม่ผิดค่ะ หนึ่ง ก่อนเพราะตอนนั้นต้องเก็บเงินหมื่นไว้ซื้ออุปกรณ์สำหรับการทดลอง ซึ่งเกี่ยวพันถึงวิทยานิพนธ์ ตอนนั้นไม่มีรายได้ หากเรายอมจ่ายก็หมายถึงต้องรบกวนเงินพ่อแม่ สอง ในตอนนั้นเราเพิ่งจะเริ่มตามผลงานของ L'arc~en~cial แบบจริงจังซึ่งต่อยอดจากที่เคยได้ยินเพลง Pieces บวกกับได้ดูของสะสมของเพื่อน ลองมาคิดทบทวนระดับความติ่งของตัวเองให้ดู ๆ มันยังไม่เข้มข้นพอที่จะยอมจ่าย โชคดีที่ L'arc มีโอกาสมาแสดงคอนเสิร์ต World Tour ครบรอบ 15 ปี กลาย ๆ ที่ไทยเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2555 ทำให้เราได้มีโอกาสทั้งเห็นตัวจริง และได้ชมการแสดง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นครั้งเดียวในชีวิต โดยส่วนตัวถือว่า ภารกิจ complete ละ
ตัดกลับมาที่ปี 2019 หรือ 2562 ได้ดูซีรีย์จีนที่ห่างหายมานานนนนนมาก นึงย้อนไปเรื่องล่าสุดที่ติดตามก็คงเป็นสมัย F4 กระมัง พอทำงานเรียนปริญญาโทก็ปักหลักเทียวไปเทียวมาระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีเป็นส่วนใหญ่ การกลับมาแผนดินใหญ่คราวนี้ของเราถือว่าตกหลุมจังเบอเร่อ จากที่ไม่คิดจะติดตามเพราะตอนแรกได้ยินว่าสร้างมาจากนิยายสายวาย พอได้ยินว่าจะมาจัดงาน Fan meeting ที่ไทยก็เฝ้ารอที่จะได้เห็นตัวจริงของอี้ป๋อกับเซียวจ้าน ด้วยความที่เคยลงศึกแย่งชิงบัตรฝั่งญี่ปุ่นมาแล้วหลายคอนเสิร์ต จึงค่อนข้างเชื่อฝีมือตัวเอง คิดว่าได้บัตรแน่ แต่การลงสู้ศึกชิงบัตรจีนครั้งแรกของเราผลออกมาคือนกจ้า แพ้ทั้งระบบ E que ที่น้องกระต่ายเราวิ่งไปไม่ถึงฝั่งฝัน และไม่คิดว่าความจีนจะมีระบบการซื้อบัตรในแบบที่เราคาดไม่ถึง ไม่ต้องพูดถึงราคาบัตรที่มีคนเอามาปล่อยต่อ ที่บางโพสถ์บอกขายราคาถึงครึ่งแสน ซึ่งเราไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่ เมื่อพลาดบัตรจาก WeTV ทำให้เราเลือกที่จะตัดใจ
ทั้งที่คิดว่าตัวเองตัดใจได้ แต่ในความจริงเมื่อมองย้อนกลับไป เรายังเสียดายอยู่เสมอ ความผิดหวังครั้งแรกกับศิลปินที่ตกหลุมรักด้วยตัวเอง ทุกครั้งที่มีโอกาสสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่เราอธิษฐานเสมอคือการได้เจออี้ป๋อตัวจริงสักครั้ง ทำให้เราเบนเข็มมาหาข้อมูลในการไปดูอี้ป๋อที่สนามแข่งรถมาก
ถึงแม้จะรู้ว่ามีคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายที่หนานจิง เพราะไม่คิดว่าเราจะทำสำเร็จในการลงแข่งสนามของเจ้าบ้าน บวกกับระบบที่ยากเหลือเกินสำหรับการซื้อจากนอกประเทศเมื่อบัตรคอนเสิร์ตอำลาที่หนานจิงออกขาย ความหวังเล็ก ๆ ถูกจุดขึ้นอีกครั้งกับข่าวว่าจะมีบัตร Global ทำให้เรามีความหวังว่าจะมีการกันโซนสำหรับชาวต่างชาติเหมือนที่ญี่ปุ่น แต่ก็ต้องทำใจเมื่อมีข่าวว่าบัตรของทางฝั่งจีนขายหมดในไมีกี่นาที บวกกับบัตร Global Package ราคาค่อนข้างสูงคือ 9,999 หยวน หรือเท่ากับ 1,450 USD คิดเป็นเงินไทยประมาณ 45,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ยังไม่รวมตั๋วเครื่องบิน แต่อย่างน้อยก็อยากจะลองกดดู อยากจะลองพยายามกับทุกโอกาสเท่าที่ตัวเองทำไหวเท่านั้นเอง
15 ตุลาคม 2563
สิ่งที่ไม่คาดฝันดันเกิดขึ้นเมื่อเรากดได้ขึ้นมา สารภาพเลยว่าในตอนนั้นไม่ได้เตรียมตัวเพื่อสิ่งนี้ เมื่อเราเกิดกดได้ขึ้นมาจริง ๆ แต่ในตอนนั้นวงเงินในบัตรเครดิตไม่พอจ่าย ถึงแม้ว่าเพื่อนสนิทจะไปขอยืมบัตรเครดิตของคนรู้จักมาให้ใช้ไปก่อน แต่เราก็ยังไม่สามารถก้าวข้ามความกลัวที่สำคัญ คือการไปต่างประเทศคนเดียวได้ ทำให้เราปล่อยให้บัตรรอบแรกหลุดไป และเป็นอีกครั้งที่ต้องปลอดใจตัวเองกับคำว่าไม่เป็นไร ทั้งที่จริง ๆ แล้วเจ็บมาก ๆ
19 ตุลาคม 2563
โอกาสครั้งที่ 2 ผ่านเข้ามาอีกครั้งเมื่อบริษัทประกาศว่าบัตร Global Package ในการซื้อครั้งแรกมีบัตรที่ทำรายการไม่สมบูรณ์ถึง 27 ใบ ซึ่งจะนำออกมาขายอีกครั้งในวันที่ 20 ตุลาคม 2562 เวลา 19.00 น. คราวนี้เราเตรียมพร้อมทั้งเงิน และใจ พร้อมกระโดดคว้าโอกาส และเราก็ทำอย่างนั้นจริง ๆ เมื่อสอนเพื่อนลองเข้าระบบในคืนวันที่ 19 ตุลาคม และพบว่าสามารถจองบัตรได้ก่อนเวลาที่ประกาศ เราจึงไม่ลังเลที่จะกดจอง เมื่อระบบขึ้นว่าทำรายการสำเร็จ คืนนั้นเราก็จัดการจองโรงแรม รวมทั้งตั๋วเครื่องบินเพื่อเตรียมยื่นขอวีซ่า
20 ตุลาคม 2563
เรื่องยังไม่จบเมื่อ Facebook ของบริษัทประกาศว่าจะยกเลิกการจองที่เกิดขึ้นก่อนเวลาที่ประกาศ เนื่องจากเมื่อว่าเป็นเพียงการทดลองระบบ ความเครียดมาเยือนอีกครั้ง เพราะบัตรเครดิตใบเดียวที่พอจะใช้จองได้วงเงินเต็มจากการจองเมื่อคืน โชคดีเพื่อนสนิทขอยืมใช้วงเงินบัตรของญาติที่เคยเจอและไปเที่ยวด้วยกันมาให้ ในตอนนั้นเราเลือกที่จะรีบเข้ากรุงเทพ มากดบัตรที่สำนักงาน เพราะเครื่องและการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่พร้อมกว่า โดยก่อนหน้านั้นหลังลงรถไฟตอน 17 นาฬิกากว่า ๆ เพื่อนสนิทก็โทรมาขอความช่วยเหลือให้แวะไปที่เดอะมอลล์เพื่อจ่ายค่าบัตรเครดิตให้เพื่อลงสนามกดเหมือนกันก่อน กว่าจะหาสาขาธนาคารที่ตั้งอยู่มุมสุดเจอ และรีบจับรถเท็กซี่มาที่สำนักงาน ก็ใช้เวลาพอดู แต่ก็ทันการ เรามาถึงก่อนเวลา 19.00 น. ซึ่งเป็นเวลากดบัตรประมาณ คราวนี้เรากดได้อีกครั้ง ต้องขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เรามีเวลา 10 วันกับการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่า เป็นการเตรียมตัวไปต่างประเทศด้วยตัวคนเดียวครั้งแรก เลยมีโอกาสได้ศึกษาเรื่องการยื่นวีซ่าครั้งแรก ส่วนเรื่องเดินทางเพื่อนเป็นห่วงเลยไปหากรุ๊ปคนไทยที่ได้บัตรไปดูคอนเสิร์ตเหมือนกันให้ได้คุยกัน ซึ่งมีคนหนึ่งบินเที่ยวบินเดียวกันพอดีเลยอุ่นใจขึ้นมาหน่อย
อีกหนึ่งเรื่องที่เกือบพลาด คือ การจองโรงแรม เราตั้งใจว่าจะจองโรงแรมที่เดียวกับในแพ็คเกจ เพื่อที่เวลาตอนคำถามทำวีซ่าจะได้สบายใจ รวมถึงเพื่อจะได้เตรียมตัวเรื่องการเดินทางด้วยรถไฟด้วย มาโป๊ะตอนที่ได้อีเมล์ประสานงานจากผู้ดูแล ที่แนะนำให้ลงสถานีรถไฟใต้ดินคนละที่กับที่หาข้อมูลมา เลยเพิ่งรู้ตัวว่า จองผิดโรงแรม ไปจองอีกโรงแรมในเครือเดียวกัน เกือบไปแล้วจ้า ถ้าไปผิดที่ขึ้นมานี่อาจมีงานงอกได้ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไปต่างบ้านต่างเมือง เรื่องข้อมูลน่ะสำคัญแท้
และเรื่องสุดท้ายที่อิหยังมาก กับการเตรียมตัวมาจีน คือเรื่อง account we chat ที่เราเคยสมัครทิ้ง ๆ ไว้ตอนไป Xiamen คราวก่อน กลับมาสมัครใหม่เพราะอยากจะเล่น Weibo แต่มนุษย์สายนานนานจะแชท แถมไม่มีเพื่อนที่จีนก็เลยทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งาน แต่พอจะเอามาใช้เพื่อติดต่อกับผู้ดูแลปรากฏว่า account โดนล็อค แถมเเป็นการล็อคแบบที่พยายามให้คนรู้จักที่ใช้ we chat ช่วย scan หลายคนก็ไม่สำเร็จ แอบหวั่นใจว่าตัวเองจะไหวไหม เพราะส่วนใหญ่คนจีนใช้ WeChat เหมือนกับที่คนไทยใช้ Line สุดท้ายก็ต้องติดต่อกับผู้ดูแลทาง Email เป็นหลัก กับทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้เผื่อฉุกเฉิน
แม้จะเจอเรื่องอิหยังวะ ให้คนขี้กลัวยิ่งป๊อดหนัก แต่สุดท้ายเราก็ก้าวขาขึ้นเครื่องบินจนได้...การกดบัตรคราวนี้ให้บทเรียนกับเราเยอะมาก ๆ โดยเฉพาะเรื่องโอกาสที่อาจมีเพียงครั้งเดียว ทั้งเรื่องความกล้า และการเตรียมตัวให้พร้อมที่จะคว้าโอกาส ความอยากเจอน้อง และไม่อยากจมอยู่กับความเสียดายอีกแล้วทำให้เราฮึดสู้
ขอบคุณนะครับอี้ป๋อ การได้รักน้องช่วยเปิดโลกทัศน์ให้พี่จริง ๆ ...แล้วเจอกันครับคนเก่ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น