สำหรับขาระบบราง รวมร่างกับ สายชอบประวัติศาสตร์เรื่องเล่า การได้นั่งรถจักรไอน้ำ คุณปู่ที่ยังวิ่งได้ เป็นเรื่องที่ต้องไปสัมผัส ซึ่งขบวนรถไฟสุดพิเศษนี้ไม่ได้เปิดวิ่งทุกวัน ปกติจะมีโอกาสได้นั่งเพียงเฉพาะวันพิเศษ คือ วันคล้านวันพระราชสมภพของในหลวง กับสมเด็จพระนางเจ้า และวันคล้ายวันสวรรคตของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 แถมยังวิ่งแค่ไปกลับ 1 เที่ยว บวกกับกำลังลากตู้โดยสารที่มีจำกัด ทำให้การแย่งชิงเพื่อให้ได้มาซึ่งตั๋วรถจักรไอน้ำนี้รุนแรงพอดู
แต่ปี 2562 นี้เป็นโอกาสพิเศษ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2562 เป็นวันคล้ายวันสถาปนาการรถไฟแห่งประเทศไทยครบรอบ 122 ปี รถจักรไอน้ำ และที่เด็ดกว่าคือเป็นวันที่ธรรมดาไม่ใช่วันหยุดนักขัตฤกษ์ ถึงรู้ข่าวช้าแต่ก็ยังโทรไปจองทัน พร้อมร่อนใบลาพักร้อนนั่งรถไฟไปเที่ยวบ้านเกิดตัวเองแบบเช้าไปเย็นกลับ อันที่จริงถ้าจะให้ฟินก็ควรจะไปขึ้นที่หัวลำโพง แต่แอบกลัวตื่นสาย + ความสะดวกเลยขอพาตัวเองมาขึ้นที่สถานีบางเขน ใกล้ ๆ ที่ซุกหัวนอนก็แล้วกัน
เวลาตามหน้าตั๋ว คุณปู่จะมาถึง 8.10 น. แต่เอาเข้าจริงเข้าเทียบสถานีบางเขนที่เวลา 8.40 น. จ้า รถขบวนนี้ตู้โดยสารเป็นตู้ใหม่ค่ะ เสียดายถ้าเอาตู้แบบที่นั่งไม้มาพ่วงน่าจะเข้ากันกับหัวรถจักรไอน้ำมากกว่า แต่คงนั่งไม่สบายสักเท่าไหร่สำหรับคนไม่ชิน พอได้ขึ้นไปนั่งนอกจากความฟินที่ได้นั่งขบวนรถจักรไอน้ำกับเขาจริง ๆ สักที นึกถึงตอนที่ตัวเองนั่งรถไฟกลับบ้านแล้ววิ่งตีคู่กับขบวนรถจักรไอน้ำแล้วต้องมองเหลียวหลัง คราวนี้เราจะได้นั่งขิงอยู่บนขบวนนั้นบ้าง แต่อีกหนึ่งอย่างที่รู้สึกได้คือ ปู่วิ่งช้าค่ะ วิวสองข้างทางไปเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ หันมาซ้ายขวาเพื่อนร่วมขบวนมีชาวต่างชาติอยู่พอสมควร โบกี้ติดกันเป็นทัวร์ แล้วก็มีเด็ก ๆ จากชมรมเกี่ยวกับรถไฟ
มาถึงสถานีอยุธยาเกือบ 11.00 น. ถ้าซื้อทัวร์ตามโปรแกรมราคา 1,250 บาทก็จะได้ไปวัดมหาธาตุ วัดหน้าพระเมรุ ซึ่งวัดเหล่านี้เราเคยไปมาแล้วตอนทริป ขสมก. วันนี้เลขขอเที่ยวเอง ตอนแรกว่าจะนั่งรถหัวกบคนเดียว ไปตลาดน้ำอโยธยาคนเดียวแบบสวย ๆ แต่เค้าไม่รับให้ไปมอเตอร์ไซด์ซะงั้น ที่เลือกมาเที่ยวที่ตลาดน้ำอโยธยา เพราะเป็นที่เที่ยวเพิ่งเปิดใหม่ แต่ตลาดน้ำวันธรรมดาคนบางตา ร้างรวงเปิดไม่ถึงครึ่ง ขัดใจสายชอบเที่ยววันธรรมดาจัง วันนี้อากาศร้อน ขอเสียตังค์ให้กับน้ำผึ้งมะนาวเย็น ๆ ก่อนเป็นอย่างแรก ต่อด้วยก๋วยเตี๋ยวเรือ (นาน ๆ จะได้กินก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ที่อยุธยานะเธอ) ส่วนของที่ระลึกอย่างอื่นนั้นขอบาย ขึ้เกียจซื้อไปรกห้อง
จุดหมายต่อไป วัดกุฎีดาว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดน้ำอโยธยาเท่าไหร่ ตอนแรกว่าจะนั่งมอเตอร์ไซด์ แต่เห็นว่าไม่ไกล บวกกับเวลาเหลือเยอะ เลยลองเดินไป ระหว่างทางไม่ค่อยมีร่มเงา แถมวันนี้ไม่ได้เอาอุปกรณ์กันแดดมาสักอย่าง เดินให้แดดเผากันไปคิดซะว่าเปิดโอกาสสังเคราะห์วิตามิน D
แต่ปี 2562 นี้เป็นโอกาสพิเศษ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2562 เป็นวันคล้ายวันสถาปนาการรถไฟแห่งประเทศไทยครบรอบ 122 ปี รถจักรไอน้ำ และที่เด็ดกว่าคือเป็นวันที่ธรรมดาไม่ใช่วันหยุดนักขัตฤกษ์ ถึงรู้ข่าวช้าแต่ก็ยังโทรไปจองทัน พร้อมร่อนใบลาพักร้อนนั่งรถไฟไปเที่ยวบ้านเกิดตัวเองแบบเช้าไปเย็นกลับ อันที่จริงถ้าจะให้ฟินก็ควรจะไปขึ้นที่หัวลำโพง แต่แอบกลัวตื่นสาย + ความสะดวกเลยขอพาตัวเองมาขึ้นที่สถานีบางเขน ใกล้ ๆ ที่ซุกหัวนอนก็แล้วกัน
เวลาตามหน้าตั๋ว คุณปู่จะมาถึง 8.10 น. แต่เอาเข้าจริงเข้าเทียบสถานีบางเขนที่เวลา 8.40 น. จ้า รถขบวนนี้ตู้โดยสารเป็นตู้ใหม่ค่ะ เสียดายถ้าเอาตู้แบบที่นั่งไม้มาพ่วงน่าจะเข้ากันกับหัวรถจักรไอน้ำมากกว่า แต่คงนั่งไม่สบายสักเท่าไหร่สำหรับคนไม่ชิน พอได้ขึ้นไปนั่งนอกจากความฟินที่ได้นั่งขบวนรถจักรไอน้ำกับเขาจริง ๆ สักที นึกถึงตอนที่ตัวเองนั่งรถไฟกลับบ้านแล้ววิ่งตีคู่กับขบวนรถจักรไอน้ำแล้วต้องมองเหลียวหลัง คราวนี้เราจะได้นั่งขิงอยู่บนขบวนนั้นบ้าง แต่อีกหนึ่งอย่างที่รู้สึกได้คือ ปู่วิ่งช้าค่ะ วิวสองข้างทางไปเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ หันมาซ้ายขวาเพื่อนร่วมขบวนมีชาวต่างชาติอยู่พอสมควร โบกี้ติดกันเป็นทัวร์ แล้วก็มีเด็ก ๆ จากชมรมเกี่ยวกับรถไฟ
มาถึงสถานีอยุธยาเกือบ 11.00 น. ถ้าซื้อทัวร์ตามโปรแกรมราคา 1,250 บาทก็จะได้ไปวัดมหาธาตุ วัดหน้าพระเมรุ ซึ่งวัดเหล่านี้เราเคยไปมาแล้วตอนทริป ขสมก. วันนี้เลขขอเที่ยวเอง ตอนแรกว่าจะนั่งรถหัวกบคนเดียว ไปตลาดน้ำอโยธยาคนเดียวแบบสวย ๆ แต่เค้าไม่รับให้ไปมอเตอร์ไซด์ซะงั้น ที่เลือกมาเที่ยวที่ตลาดน้ำอโยธยา เพราะเป็นที่เที่ยวเพิ่งเปิดใหม่ แต่ตลาดน้ำวันธรรมดาคนบางตา ร้างรวงเปิดไม่ถึงครึ่ง ขัดใจสายชอบเที่ยววันธรรมดาจัง วันนี้อากาศร้อน ขอเสียตังค์ให้กับน้ำผึ้งมะนาวเย็น ๆ ก่อนเป็นอย่างแรก ต่อด้วยก๋วยเตี๋ยวเรือ (นาน ๆ จะได้กินก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ที่อยุธยานะเธอ) ส่วนของที่ระลึกอย่างอื่นนั้นขอบาย ขึ้เกียจซื้อไปรกห้อง
จุดหมายต่อไป วัดกุฎีดาว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดน้ำอโยธยาเท่าไหร่ ตอนแรกว่าจะนั่งมอเตอร์ไซด์ แต่เห็นว่าไม่ไกล บวกกับเวลาเหลือเยอะ เลยลองเดินไป ระหว่างทางไม่ค่อยมีร่มเงา แถมวันนี้ไม่ได้เอาอุปกรณ์กันแดดมาสักอย่าง เดินให้แดดเผากันไปคิดซะว่าเปิดโอกาสสังเคราะห์วิตามิน D
วัดกุฎีดาวอยู่ติดถนนเลยค่ะ บริเวณพอสมควร เดินเข้าไปดูได้เลยไม่มีค่าใช้จ่าย ข้อมูลจากป้าย วัดกุฎีดาว สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น ไม่ปรากฏหลักฐานเอกสารที่ชัดเจนเกี่ยวกับประวัติของการสร้าง มีเพียงข้อความที่ระบุในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาว่า วัดกุฎีดาวได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ โดยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศในขณะที่ดำรงพระยศเป็นพระมหาอุปราช ก่อนที่จะถูกทิ้งร้างเมื่อตอนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 นอกจากจากนี้ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับปู่โสมเฝ้าทรัพย์ (อารมณ์ประมาณเรื่องพิษสวาท) ใครสนใจไปหาอ่านได้ ตอนเดินมาเจอว่าเกือบไม่มีคนเลย น่าจะเพราะเป็นวันธรรมดา แถมวัดตั้งอยู่คนละฟากกับวันฮิต ๆ ก็แอบกลัว ๆ แต่อาศัยว่าสุจริตใจ เดินเข้าไปในบริเวณจะมีต้นไม้ใหญ่อยู่หลายต้น พร้อมม้านั่งหิน ลมเย็นสบาย แสดงว่าเขาต้อนรับ
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด เจดีย์ประธาน วิหารด้านข้างเป็นเส้นโค้งหย่อนท้องสำเภาซึ่งเป็นศิลปะอยุธยาตอนปลาย ซึ่งน่าจะเกิดจากการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยสมเด็จพระเจ้าท้ายสระอีกด้านที่อยู่ติดกันเป็นศาลปู่โสม พระตำหนักกำมะเลียนซึ่งเป็นสถานที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศขณะที่ทรงเป็นกรมพระราชวังบวรสถาน ทรงประทับแรมที่นี่เพื่อควบคุมการบูรณปฏิสังขรณ์วัด เชื่อกันว่าหลังจากบูรณะวัดเสร็จ กรมพระราชวังบวรสถานในขณะนั้นได้ถวายพระตำหนักเป็นกุฏิเจ้าอาวาสหรือไม่ก็ศาลาการเปรียญ
ใกล้ ๆ กันในระยะแค่ถนนเส้นเล็ก ๆ กั้น วัดจักรวรรดิหรือวัดเจ้ามอญ มีเจดีย์ประธาน 1 องค์ โบสถ์ วิหารและเจดีย์รายรวมทั้งหมด 29 องค์
โบกมอเตอร์ไซด์รับจ้างกลับมาที่สถานีรถไฟอยุธยาตั้้งแต่บ่ายโมงครึ่ง คราวนี้เป็นทีของปู่รถจักร 850 ได้มาอยู่ข้างหน้าบ้าง มาถึงเร็วเลยได้โอกาสไปสำรวจปู่ใกล้ ๆ แบบโล่ง ๆ รถจักรไอน้ำหมายเลข 824 และ 850 เป็นรถจักรแปซิฟิก ผลิตโดยบริษัท NIPPON SHARYO KAISHA เมื่อปี ค.ศ.1949 (พ.ศ.2489) และนำมาใช้เดินรถระหว่างปี 2592 - 2594 ปัจจุบันเหลือใช้การได้อยู่ 2 คน ซึ่งรถรุ่นนี้ใช้น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิง
ก่อนที่จะมานั่งกินขนมกับน้ำปั่นที่ร้าน the station สถานีรถไฟอยุธยา ได้แต่นั่งมองตอนนั่งรถไฟผ่าน ได้มาลองซักที ซึ่งก็มีเพื่อนร่วมขบวนเข้ามานั่่งเล่นอยู่แล้วพอสมควร บ่าย 3 โมงครึ่งซื้อโรตีสายไหมเป็นของฝากสาว ๆ จากคนโดดงาน ขึ้นไปนั่งเล่นรอให้รถออกตอน 16.40 น. กลับไปลงที่สถานีบางเขนเหมือนเดิม ตอนแรกกะจะไปส่งปู่ที่หัวลำโพง แต่ชักเพลียแดดเอาเป็นว่าโบกมือบ๊ายบายกันตรงนี้ คราวหน้าจะลองนั่งไปนครปฐม หรือ ฉะเชิงเทราบ้าง
แล้วเจอกันค่ะ ปู่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น