ที่มาที่ไปของทริปนี้ เริ่มจากที่ทำงานของเพื่อนสนิทวางแผนจะไปเที่ยวต่างประเทศกันยกฝ่าย รวมกันก็ร่วม ๆ 10 ชีวิต เป้าหมายหลักคือการไปไหว้พระธาตุอินทร์แขวน ซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีจอ ถือว่าเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของเราเพื่อนเราเกรงว่านางเป็นหัวหน้าทัวร์คนเดียวไม่น่าจะเอาปูทั้งกระด้งอยู่ เลยมาเปรย ๆ ให้ฟังเหมือนจะหาผู้ช่วยหัวหน้าทัวร์ บวกกับน้าของที่อายุไล่ ๆ กันก็จะร่วมทริปไปด้วย คงไม่ถึงกับเด๋อ เลยอาสาขอไปด้วย
ว่าด้วยเรื่องปีเกิด คนที่เกิดช่วงต้นปีใกล้ ๆ กับตรุษจีนคงมีความสับสนกันเยอะ ว่าตกลงตัวเองเกิดปีอะไรกันแน่ โดยส่วนตัว ถ้านับตามปฏิทินหลวงที่เริ่มเปลี่ยนปีตั้งแต่เดือนอ้าย หรือนับตามวันตรุษจีน และวันสารทขลิบชุนเราถือว่าเกิดวันเปลี่ยนปีเข้าปีจอพอดี เพราะฉะนั้นถือว่าไปไหว้พระธาตุประจำปีเกิดได้ ยิ่งเป็นพระธาตุอินทร์แขวนที่ใช่ว่าจะไปกันได้ง่าย สมัยโบราณเขาต้องเดินทางขึ้นเขาลงห้วยใช้เวลากันแรมเดือนกว่าจะถึง
วางแผนกันมาเป็นแรมเดือน แต่พอถึงวันเดินทางจริง ๆ เหลือกันอยู่ 5 สาว พาวเวอร์เรนเจอร์ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่กำลังพอเหมาะ ส่วนวันฤกษ์ดีในการออกเดินทางครั้งนี้ คือวันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม ด้วยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบินเวลา 19.25 น. ไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงสนามบินย่างกุ้ง ก่อนที่จะเปลี่ยนพาหนะเป็นรถมินิแวน 7 ที่นั่ง พร้อมคนขับที่พูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย เดินทางต่อไปที่พักซึ่งจะใช้ซุกหัวนอนเป็นเวลา 2 คืน ที่พักสะอาดสะอ้านราคาเป็นมิตรสำหรับสายประหยัดที่ยังอยากได้ห้องเป็นสัดเป็นส่วน ขอน้ำร้อนมาต้มมาม่าได้ด้วย และที่สำคัญเดินจากที่พักไปไม่ไกลมีทั้ง minimart และห้างสรรพสินค้า สิ่งที่ว่ากันว่าหายากในพม่าอย่างน้ำแข็งก็มีขายจ้า มนุษย์ติดน้ำแข็งอย่างเพื่อนเราก็ฟินกันไป ส่วนเราได้ขนมปังคล้าย ๆ โครเก็ตใส้แกงกะหรี่มากินรองท้องก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน
วันแรกออกเดินทางกันตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง มุ่งหน้าไปตันลยิน หรือที่คนไทยเรียกว่า สิเรียม เพราะคุณเพื่อนอยากไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเหนือน้ำตรงวันแรกเบิกฤกษ์ วางแผนไว้ว่าจะข้ามเรือตั้งแต่ตี 5 ปรากฏว่าตรงท่าเรือไม่มีใครอยู่เลย ฟ้ายังมืดมาก กว่าจะถามได้ความว่าเรือข้ามฟากสำหรับนักท่องเที่ยวจะเปิดให้บริการตอน 8.00 น. ว่าแล้วฆ่าเวลาด้วยมือเช้าสไตล์พม่าแท้ ๆ กันดีกว่า ส่วนใหญ่เป็นเนื้อผัดน้ำมันกับผักสดกินกับข้าวจานโตอร่อยไปอีกแบบ ตอนซื้อชี้โบ๊ชี้เบ๊ส่งภาษากันสนุกสนาน
8 โมงเรือโดยสารสำหรับนักท่องเที่ยวก็เปิดให้บริการสนนราคาคนละ 1000 จ๊าด พิเศษตรงที่มีเก้าอี้พลาสติกให้นั่งจ้า ว่าแล้วออกเดินทางไปเจดีย์กลางน้ำเลเยพญา ส่วนค่าเข้าชมนั้นแยกต่างหากอยู่ที่ 3000 จ๊าด ตามหนังสือนำเที่ยวว่ากันว่าสถานที่แห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์เรื่องธุรกิจการค้า โดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องกราบสักการะให้ได้ คือ พระอุปคุต ซึ่งประดิษฐานอยู่ตรงวิหารที่ยื่นออกไปกลางน้ำ ต้องเดินวนหากันนิดนึง ท่าน้ำด้านล่างสามารถซื้อข้าวตอกปั้นมาทำบุญให้อาหารปลาได้ ตรงนี้บันไดลื่นนิดนึง เดินไม่ระวังอาจมีเฮได้
วัดที่ 2 ของวันแรก เจดีย์ไจ๊ก์คอด เป็นเจดีย์เก่าแก่ประจำเมืองตัวจริง เนื่องจากวันนี้ท่าจะต้องถอดรองเท้าเดินเยอะ ตอนแรกหมายมั่นปั้นมือว่าจะขึ้นลิทฟ์ แต่ดันไปชนกับงานบวช คนขับรถบอกว่าพวกเราโชคดี ได้ทั้งอนุโมทนาบุญพระบวชใหม่ แต่ต้องเดินขึ้นบันไดเองเพื่อพิสูจน์ศรัทธาเพราะคงรอขึ้นต่อจากขบวนแห่นาคไม่ไหว เอาเข้าจริงก็ไม่ได้เหนื่อยมาก สิ่งที่รู้สึกเพราะเราเห็นมาตั้งแต่เยเลพญาคือเจดีย์หุ้มกระสอบอีกแล้ว ปรากฏว่าช่วงนี้น่าจะเป็นฤดูบูรณะครั้งใหญ่ระดับประเทศ ผู้ง่าย ๆ คือ ซ่อมมันทุกที่จ้า เพราะฉะนั้นรูปที่ถ่ายมาอาจไม่เหลืองอร่ามเท่าคนอื่น ๆ เขา เจดีย์มาตรฐานของพม่าจะมีพระประธานประจำทั้ง 4 ทิศ เกินไหว้วน ๆ ไป อันไหนดูเก่า ๆ ยิ่งต้องรีบมุดเเข้าไปไหว้แสดงว่าศักดิ์สิทธิ์ แถมที่นี่ยังมีหนึ่งในเทพทันใจ 1 ใน 5 องค์ของพม่าด้วย ค่าเข้าที่นี่ 2,500 จ๊าด
วัดที่ 3 วัด Kyauk Taw Gyi Pagoda ย่างกุ้ง สำหรับวัดนี้เป้าหมายคือมาสักการะพระพุทธรูปหินขาว สลักจากหินอ่อนก้อนใหญ่ก้องเดียวสูง 11 เมตร เก็บรักษาไว้ในตู้กระจกเพื่อรักษาสภาพ สำหรับที่นี่เราเลือกสักการะด้วยพวงมาลัยดอกมะลิ ตรงทางเดินยาวจะเป็นภาพเขียนแสดงการขนย้ายหินอ่อนที่ใช้แกะสลักองค์พระ
วัดที่ 4 วัดงาทัตจี สักการะพระพุทธรูปองค์ใหญ่ สูงประมาณตึก 5 ชั้น ทรงเครื่องกษัตริย์อลังการ วันนี้มือไม่โปร เพิ่งถอยกล้องมาใหม่ถ่ายรูปยากมาก ไม่หน้ามืด องค์พระก็สีไม่เหลืองอร่าม ขยับหามุมกันอยู่นานสองนาน
วัดที่ 5 วัดเจ้าทัตจี พระตาหวานขวัญใจพี่ไทย ชอบวัดนี้ตรงที่ของสักการะเป็นดอกกุหลาบสด หอมมาก เดินเข้ามานะจังงังนิดหน่อย เจอโครงไม้ แต่ถึงอย่างนั้น องค์พระท่านก็ยิ้มหวานทะลุโครงไม้ แผ่นโฆษณาสีออกมาปลอบใจ เพิ่งสังเกตว่าที่โครงไม้มีรูปประตูสวรรค์แปะเอาไว้ด้วย เป็นการปลอบใจคนเดินทางมาไกลยกกำลังสอง ก่อนไปต่อที่ขาดไม่ได้ต้องเดินมาถ่ายรูปมุมยอดนิยมสำหรับพระปางไสยาทน์ ที่พิเศษคือตรงพระบาทสีแดงที่ด้านล่างแบนิดหน่อยไม่เหมือนของบ้านเรา
ผ่านมา 5 วัด ได้เวลาข้าวกลางวัน บอกคนขับว่าอยากกินอาหารพม่า พี่แกพาเลี้ยงมาร้านนี้เลยค่ะ น่าจะเป็นร้านอาหารชื่อดังของที่นี่ เพราะคนแน่นร้าน และถ้าจะรับแขกต่างชาติบ่อยเพราะพนักงานรู้งานมาส่งภาษาเป็นระยะ กินดูก็รถชาติใช้ได้โดยเฉพาะกุ้งตัวโต สดและหวาน แต่พวกเนื้อผัดน้ำมันแอบชอบร้านข้างทางตอนเช้ามากกว่า จบมื้อนี้จ่ายไป 40,000 จ๊าด 5 เท่าของเมื่อตอนเช้า 7,500
สำหรับที่สุดท้ายในวันนี้ มาถึงตอนใกล้พลบ มหาเจดีย์ชเวดากอง ก่อนขึ้นเสียค่าเข้าชม 10000 จ๊าด แล้วยังต้องมีการตรวจเครื่องแต่งกาย กางเกงขายาวทรงแคบขึ้นไม่ได้ ต้องเช่าผ้าพันขึ้นไปโดยต้องวางเงินมัดจำด้วย การขึ้นมาทั้งลิฟท์ทั้งบันไดเลื่อน ทางที่เราขึ้นเป็นลิฟท์ ขึ้นมาข้างบนแล้วเป็นอึ้งกับความใหญ่โตของที่นี่มาก เจดีย์องค์ใหญ่ขึ้นเพราะโครงไม้โปร่ง(อีกแล้ว) ด้านในบรรจุพระเกษาธาตุ ไหว้เสร็จก็เดินวนหาพระประจำวันเกิด ซึ่งก็ไม่ได้เรียงตามวันนะจ๊ะ ต้องเดินอ่านป้ายกันเอง สรงน้ำพระเท่าอายุ + 1 สามสิบกว่าทีวิดไปจ๊ะ หลังจากนั้นก็เดินไหว้พระวนไป บนนี้มีเทพทันใจด้วยค่ะ เดินวนไปไหว้เจดีย์นาวดอร์จี ที่ว่ากันว่าเป็นเจดีย์องค์เดิมที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุไว้ชั่วคราวจนกระทั่งเจดีย์ชเวดากองสร้างเสร็จ เพื่อนเปิดรายการของมดดำแล้วเดินตามเลยจ้า หาจอบ้างไม่เจอบ้างเพราะบนนี้กว้างจริง ๆ เดินกันจนเกือบสองทุ่ม อัดยาแก้ไข้ไปเม็ดนึงเพราะเมื่อคืนนอนน้อย ก็พากันกลับ
สำหรับมือเย็นไปเดินซุปเปอร์ในห้างแถว ๆ ที่พัก ได้มาม่ารถชีสมาลอง กับชานมของฝาก กินเสร็จก็แยกย้าย หลับสบายจริง ๆ
วัดที่ 3 วัด Kyauk Taw Gyi Pagoda ย่างกุ้ง สำหรับวัดนี้เป้าหมายคือมาสักการะพระพุทธรูปหินขาว สลักจากหินอ่อนก้อนใหญ่ก้องเดียวสูง 11 เมตร เก็บรักษาไว้ในตู้กระจกเพื่อรักษาสภาพ สำหรับที่นี่เราเลือกสักการะด้วยพวงมาลัยดอกมะลิ ตรงทางเดินยาวจะเป็นภาพเขียนแสดงการขนย้ายหินอ่อนที่ใช้แกะสลักองค์พระ
วัดที่ 4 วัดงาทัตจี สักการะพระพุทธรูปองค์ใหญ่ สูงประมาณตึก 5 ชั้น ทรงเครื่องกษัตริย์อลังการ วันนี้มือไม่โปร เพิ่งถอยกล้องมาใหม่ถ่ายรูปยากมาก ไม่หน้ามืด องค์พระก็สีไม่เหลืองอร่าม ขยับหามุมกันอยู่นานสองนาน
วัดที่ 5 วัดเจ้าทัตจี พระตาหวานขวัญใจพี่ไทย ชอบวัดนี้ตรงที่ของสักการะเป็นดอกกุหลาบสด หอมมาก เดินเข้ามานะจังงังนิดหน่อย เจอโครงไม้ แต่ถึงอย่างนั้น องค์พระท่านก็ยิ้มหวานทะลุโครงไม้ แผ่นโฆษณาสีออกมาปลอบใจ เพิ่งสังเกตว่าที่โครงไม้มีรูปประตูสวรรค์แปะเอาไว้ด้วย เป็นการปลอบใจคนเดินทางมาไกลยกกำลังสอง ก่อนไปต่อที่ขาดไม่ได้ต้องเดินมาถ่ายรูปมุมยอดนิยมสำหรับพระปางไสยาทน์ ที่พิเศษคือตรงพระบาทสีแดงที่ด้านล่างแบนิดหน่อยไม่เหมือนของบ้านเรา
ผ่านมา 5 วัด ได้เวลาข้าวกลางวัน บอกคนขับว่าอยากกินอาหารพม่า พี่แกพาเลี้ยงมาร้านนี้เลยค่ะ น่าจะเป็นร้านอาหารชื่อดังของที่นี่ เพราะคนแน่นร้าน และถ้าจะรับแขกต่างชาติบ่อยเพราะพนักงานรู้งานมาส่งภาษาเป็นระยะ กินดูก็รถชาติใช้ได้โดยเฉพาะกุ้งตัวโต สดและหวาน แต่พวกเนื้อผัดน้ำมันแอบชอบร้านข้างทางตอนเช้ามากกว่า จบมื้อนี้จ่ายไป 40,000 จ๊าด 5 เท่าของเมื่อตอนเช้า 7,500
จุดที่ 6 ของวันนี้ ค่อย ๆ ขยับเข้ามาในย่างกุ้ง กับเจดีย์โบตะตาว ยอดนิยมของคนไทย ก่อนอื่นต้องขอมุดเข้าเจดีย์สีทองอร่ามที่ตอนนี้ห่มผ้าเกือบมิด ภายในเป็นทางเดินสีทองอร่าม บรรจุพระเกศาธาตุ ส่วนโซนยอดนิยมสำหรับคนไทย เดินเข้าไปเหมือนอยู่ประเทศไทย รอบตัวมีแต่คนที่พูดภาษาไทย ไปตอนประตูจะปิด แต่ข้างหลังเรายังมีแถวอีกยาว ส่วนตัวไม่มีเรื่องให้ขอ แค่ยกมือสักการะเลยสมัยใจถ่ายรูปให้คนอื่น ก่อนที่จะข้ามมาไหว้เทพกระซิบ ซึ่งตอนนี้เขาไม่ให้เข้าไปกระซิบแล้ว ล้อมไว้อย่างดีให้เฉพาะเจ้าหน้าที่เข้า ออกมาเปย์ของฝากกันสักเล็กน้อย ถามว่าซื้ออะไรไหม ตอบเลยว่าไม่ รูปเคารพนี่ที่บ้านมีเพียบ สำหรับที่นี่ค่าเข้าชม 5,000 จ๊าด
สำหรับมือเย็นไปเดินซุปเปอร์ในห้างแถว ๆ ที่พัก ได้มาม่ารถชีสมาลอง กับชานมของฝาก กินเสร็จก็แยกย้าย หลับสบายจริง ๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น