ชื่อเรื่อง - 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว
ดูเมื่อ - 7 กันยายน 2562
เรื่องย่อ
ภาพยนตร์สารคดีเล่าเรื่องการวิ่งจาก เบตงสู่แม่สายด้วยระยะทาง 2,215 กิโลเมตร ภายในระยะเวลา 55 วัน กับเป้าหมายยอดเงินบริจาคถึง 700 ล้านบาทของพี่ตูน บอดี้สแลม เพื่อนำเงินบริจาคมาช่วยเหลือโรงพยาบาลศูนย์ทั้ง 11 โรงพยาบาล ทั้งภาพความประทับใจเบื้องหน้าที่ผู้ติดตามภารกิจนี้มักจะได้เห็นตามข่าว และเบื้องหลังของการเตรียมพร้อมร่างกาย ความเสี่ยงที่ต้องแบกรับของการวิ่งระยะทางไกล รวมถึงความรู้สึกนึกคิดของพี่ตูนที่ใคร ๆ ต่างก็เห็นว่ารับแขกตลอดเวลาจนเพื่อนร่วมคณะกล้วแทนว่าแกจะเดี้ยงก่อนถึงจุดหมาย และคนดูสงสัยว่าพี่แกไม่เคยอารมณ์เสียบ้างหรือไร
ก้าวคนละก้าวเป็นโครงการที่ทำอยู่บนความเชื่อของทีมงาน และคนไทยทั้งประเทศ by เบลล่าคนดี
บันทึก...คนดู
การกลับมาอีกครั้งของภารกิจในโครงการก้าวคนละก้าว หลังจากเมื่อปลายปีที่แล้วมียอดรับบริจาคตลอดกิจกรรมกว่าพันล้านบาทซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้เกือบสองเท่า แต่กิจกรรมในปีนี้ไม่ใช่การวิ่งจริง ๆ แต่มาในรูปแบบภาพบนตร์ซึ่งเป็นฝีมือของทีมถ่ายทำที่ติดตามคณะของพี่ตูนจากใต้ไปสู่เหนือตั้งแต่ต้นจนจบ และมีการพูดถึงบ่อย ๆ ในระหว่างการ live เราจะได้เห็นฝีมือของพวกนายสักที และคราวนี้ KING POWER ก็ยังเป็นผู้สนับสนุนใจดี เช่าโรงหนังฉายให้ดูฟรีทั่วประเทศ และเชิญชวนให้บริจาคเพิ่มเติมเพื่อเป็นทุนในการซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา ตึกหลังสุดท้ายที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 พระราชทานนาม โดยมุ่งหวังให้เป็นตึกที่รองรับผู้ป่วยยากไร้โดยเฉพาะ
เปิดตัวด้วยฉากในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลบางสะพาน ซึ่งมีการเปิดเพลงแสงสุดท้ายคลอเบา ๆ
ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาในช่วงการเตรียมตัวของพี่ตูน เริ่มจากการไปดูเส้นชัยที่บรรดาขาประจำต่างก็รู้กันดีจากการพูดคุยตลอดระยะทางการวิ่งว่าพี่ตูนแกไม่ยอมลงไปดู นัยว่าเดี๋ยวจะมาเองด้วยการวิ่ง ตามด้วยการเตรียมร่างกายที่แกใช้เวลาที่มีน้อยนิดจากการทำงาน ดูแล้วออกแนวทรมานทรกรรมยังไงชอบกล พร้อมด้วยความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ(แอบไม่คุ้นหมอเมย์ตอนไม่มีผ้าบัฟ) ถึงความเสี่ยงว่าในกรณีแย่ที่สุดคือตายกับการมีเวลาเตรียมตัวเพียงระยะสั้น ๆ
ในส่วนภาพเบื้องหน้าคงไม่ต้องพูดถึงมากเพราะเราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วตลอดเวลา 55 วัน แต่ถึงอย่างนั้นพอได้เห็นอีกครั้งก็ยังเรียกน้ำตาเอ่อ เพิ่มเติมคือการสัมภาษณ์ความรู้สึกของผู้คน 2 ข้างทาง และความน่ารักของเด็กน้อยที่พอได้จับมือพี่ตูน แล้วเอามาดมว่ามือพี่เค้าหอม(เหงื่อ!?) สลับกับมุมมองของคนรู้ใจลึก ๆ ที่มาร่วมวิ่งอย่างพี่กบ Big Ass ทันดูช่วงพี่แกมาพอดี
อีกบรรยากาศที่คนดูไม่เคยได้เห็นคือ บรรยากาศในรถบ้านกับการทำกายภาพบำบัด และการเล่นมุกเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อคลายเครียด แต่ใช่จะมีบรรยากาศดอกไม้บานอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นช่วงเวลาเครียด ๆ ตอนที่มีคนมารอขอถ่ายรูปกับพี่ตูนจนต้องวิ่ง ๆ หยุด ๆ จนเหล่าสต๊าฟเป็นห่วงว่าแกจะเตี้ยง แต่ก็ไม่ยอมหยุดโดยเบลล่านิยามว่า แม่งโครตดื้อ ซึ่งทำให้ภาพการทำกายภาพช่วงหลัง ๆ ทรมานขึ้นทุกที (วิธีแทงเข็มเพื่อคลายกล้ามเนื้อนี่มันช่าง) และในบางครั้งก็ต้องรมณ์เสียเมื่อผู้มาร่วมกิจกรรมอาจก่อความเดือดร้อนให้กับคนที่ใช้ชีวิตประจำวันรอบข้าง(แต่ยังไงก็ยังมีหางเสียงครับตลอดเว)
ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมาทั้งหมด รู้สึกว่าผู้นำเสนอร้อยไว้ด้วยกันด้วยแนวความคิดของคนที่มองจากภายนอกที่พยายามจะทำความเข้าใจสิ่งที่อยู่ในหัวของพี่ตูน ว่าคนที่ทำให้สิ่งดีงามที่ดูจะเหลือเชื่อเกิดขึ้นได้จริงนั้นก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเช่นกัน (โมเม้นมโน ไม่ใช่เรานะ เป็นหนัง นี่ตัวเองชัด ๆ พี่แกคิดเยอะจริง ๆ )
น่าเสียดายที่การฉายในโรงภาพยนตร์ไม่สามารถเรียกเงินบริจาคอย่างที่หวัง (5 กุมภาพันธ์ 2562 อยู่ที่ 97 ล้านบาท) แต่อย่างน้อยภาพยนตร์เรื่องนี้จะช่วยส่งต่อความคิดของการให้ ช่วยเพิ่มไอเดียใหม่ ๆ ให้กับการทำความดี การร่วมมือคนละเล็กละน้อยมันทำให้เกิดสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้จริง ๆ เป็นความทรงจำดี ๆ ที่คนไทยมีร่วมกันตลอดไป
ป.ล. คนดังมาช่วยวิ่งเยอะ กล้องสาดไปเจอน้องนายของพี่แค่วินาทีเดียว แต่ก็ฟินแล้วเนอะน้อง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น