plot
พิพิธภัณฑ์ไรจ์คส์ หรือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติแห่งอัมสเตอร์ดัม เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่โตติดอันดับแนวหน้าของยุโรปและโลก เป็นที่เก็บและจัดแสดงของงานศิลปะกว่า 1 ล้านชิ้นที่ครอบคลุมเวลาตั้งแต่ปีค.ศ. 1200-2000 โดยเฉพาะงานของศิลปินโด่งดังอย่างแรมบลันดท์ และเฟอร์เมร์
พิพิธภัณฑ์นี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1808 และเปิดทำการในที่ตั้งที่เห็นอยู่ปัจจุบันนี้มาตั้งแต่ปี 1885 ก่อนจะปิดปรับปรุงซ่อมแซมไปและเปิดใช้ล่าสุดเมื่อปี 2013 ด้วยหน้าตารูปโฉมสุดแสนอลังการ ...ชาวโลกจึงไม่ค่อยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในตลอดการปิดปรับปรุงนั่น อันที่จริงนอกจากมันจะเป็นการปิดที่กินเวลาถึง 10 ปีเต็มซึ่งยืดเยื้อกว่าที่ทีมผู้บริหารตั้งใจไว้แล้ว ยังถล่มงบไปเกือบ 400 ล้านยูโร! และท่วมท้นด้วยดราม่าบ้าบอตั้งแต่การหมดเงิน / แบบผิด / สถาปนิกหลับตอนประชุม / ทีมผู้บริหารเห็นสถาปนิกสั่งทาสีดำทั้งห้องโชว์งานแล้วช็อคถึงขั้นต้องสั่งรื้อแบบใหม่หมด / เกิดการแย่งชิงตำแหน่ง / ปวดกบาลกับการแย่งชิงประมูลงานศิลปะมาเพิ่ม / ซาบซึ้งกับการได้งานญี่ปุ่นสุดเก๋า / ทะเลาะกันเรื่องบ้าๆ เช่นว่าจะวางปืนใหญ่เรียงเป็นเส้นตรงหรือสลับฟันปลาดี ฯลฯ ไปยันการประท้วงที่แปรสภาพจากเรื่องเล็กๆ ซึ่งเหมือนจะไร้สาระ แต่กลับนำมาซึ่งการพลิกผันของแผนการซ่อมแซมอย่างมโหฬาร!
(ข้อมูลจาก https://www.facebook.com/DocumentaryClubTH)
log
เห็นเพจของคุณลวิตร์นักเขียนที่ตามอยู่เขียนถึงหนังสารคดีเรื่องนี้ แถมคอมเมนต์ต่างๆ ดูจะถูกอกถูกใจ เราเรื่องประเด็นต่างๆ ในหนังเหมือนเรื่องชวนหัว เลยตัดสินใจตีตั๋วเข้าไปดูด้วยความคาดหวังว่าจะได้ดูหนังตลกร้าย ลงทุนลาชั่วโมงไปเลยทีเดียวเพื่อให้ทันรอบ 16.50 น. โรงหนั่งที่ 10 เป็นโรงเล็กๆ ที่มีคนดูเกือบเต็มโรงเลยค่ะ
เปิดเรื่องมาหวังว่าจะได้เห็นอะไรที่พอเรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้ แต่มันไม่ใช่เลยค่ะ หนังมันจริงจังนำเสนอปัญหาโลกแตกต่างๆ ที่คนเราต้องเจอในการทำงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรเจ็คใหญ่ เพื่อไม่ให้เพลียจนเป็นบ้าไปเสียก่อน เราต้องมองปัญหาเเป็นเรื่องขบขันค่ะ นี่คือสัจธรรม
ปัญหาปวดหัวเรื่องแรกที่ท่านผู้อำนวยการต้องเจอ คือ การต้องยื่นแบบร้อยแปดพันเก้าในการอนุญาตบูรณะพิพิธภัณฑ์ เน่องจากนี่เป็นอาคารเก่าแก่ประมาณสมบัติทางสถาปัตยกรรมของชาติ แต่ที่น่าปวดหัวของจริงที่ถึงขนาดทำให้ท่านลาออก เพราะไม่ไหวจะเคลียร์ คือแบบพิพิธภัณฑ์ใหม่ที่อุตส่าห์ชนะการประกวดดันถูกคัดค้านเพราะไปสลับทางจักรยานที่ใช้อยู่ประจำเข้าค่ะ เมื่อเปิดประชามติเถียงกันไปเถียงกันมาปรากฏว่า ทีมสถานปนิกแพ้ค่ะ(ตามประสาโลกประชาธิปไตย) จนต้องมีการออกแบบใหม่ ทีมสถาปนิกถึงกับบ่นออกมาเลยว่า แล้วตรูจะออกแบบให้เลิศล้ำไปเพื่อ? จนได้ ผอ. คนใหม่ที่เปลี่ยนลุค กล้าเหวี่ยงใส่ป้าตัวแทนนักปั่นจักรยานเบาๆ ก็นะไม่งั้นไม่จบ
นอกจากระดับใหญ่ๆ แล้วเราจะได้เห็นการทำงานของสถาปนิกสาวที่ตอนแรกๆ ตั้งใจทำให้ทุกอยากออกมาดีที่สุด แต่โดนติโน่นติงนี่เข้าก็ค่อยๆกลายเป็นทำแบบช่วงหัวมัน ตามใจผู้บริหาร ก็นะอุตส่าห์คิดมาดิบดีแต่คนทุบโต๊ะไม่เอาซะอย่างจะไปทำอะไรได้ ตอที่พิพิธภัณฑ์สร้างเสร็จเธอนี่แทบจะไปรำแก้บนเลยทีเดียว
ระหว่างที่ฝ่ายบริหารกำลับตบตีกับคนในเมืองเรื่องทางจักรยาน ทางฝ่ายภัณฑารักษ์ก็มีงานต้องทำ อันได้แก่การเลือกผลงานศิลปะที่มีเป็นโกดังออกมาจัดแสดง เราได้เห็นการซ่อมแซมรูปภาพที่สีซีดจางปานผนังวัดอายุร้อยปีให้กลับมามีสีสันสวยงามเหมือนใหม่ ด้วยฝีมือ power puff girl ในขณะเดียวกันทางฝ่ายศิลปะตะวันออกที่ตกหลุมรักทวารบาลของญี่ปุ่นดูจะสงบสุขจนน่าอิจฉา เป็นหนึ่งในแผนกของพิพิธภัณฑ์ที่ถ้าเราไปต้องไปส่องให้ได้กับ Asian Pavilion
ก่อนจะจบบันทึกนี้ จอปิดท้ายด้วย Mr.Taco หนุ่มหล่อที่สาวๆ ทุกคนในโรงต้องเทใจให้กับความทุ่มเท ถึงเขาคนนี้จะผิดหวังกับการชิงตำแหน่งผู้อำนวยการ ประมูลผลงานศิลปะที่หมายตาไว้ไม่ได้ แต่ภาพตอนที่แกไปช่วยเพื่อนติดรูป ล่าสุดจากที่ไปส่องใน website แกยังรั้งตำแหน่ง Director of collection เหมือนในหนังค่ะ หลังจากสารคดีเรื่องนี้ฉายออกมาเดินตรงจงานเมื่อไหร่ โดนสาวรุมแน่ค้า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น