คีตราชนิพนจ์

the singers

 

      ยายเป้า หญิงชราตัวคนเดียวที่ย้ายมาอาศัยในเรือนพักของวัด ได้ยิน ยายเงิน หญิงชราทีมีอาชีพรับจ้างซักรีดเสื้อผ้า ซึ่งมีเพียงหลานสาววัยหกขวบที่สุขภาพไม่ใคร่ดีเท่านั้นที่มีโอกาสได้ฟัง ยายเป้าคะยั้นคะยอให้ยายเงินร้องเพลงให้ฟัง ซึ่งก็ถูกปฏิเสธเสียงแข็งมาตลอด จนหลานสาวของยายเงินอาการทรุดหนัก ต้องใช้เงินจำนวนมากในการรักษา ยายเป้าจึงรับเป็นธุระสมัครประกวดร้องเพลงในนามของยายเงิน จนเจ้าตัวอ่อนใจ ยอมเล่าสาเหตุที่ไม่ยอมร้องเพลงต่อหน้าคนอื่นให้ยายเป้าฟังว่าเกิดจากแผลใจตอนสมัยขึ้นเวทีครั้งแรกเมื่อยังสาว ยายเป้าพยายามช่วยซ้อมทุกวิถีทาง แต่ก็ไม่สำเร็จสักทีจนยายเงินท้อ แต่ยายเป้าก็ยังมาคอยตามตื้อ จนวันหนึ่งคนที่มาคอยตามตื้อทุกวันหายไป ยายเงินจึงไปตามที่ห้องพัก พบยายเป้าล้มหมดสติจึงพาไปส่งโรงพยาบาล และได้รู้ความจริงว่า พื้นเพของยายเป้ามาจากครอบครัวที่ร่ำรวย อีกทั้งยังเป็นนักร้องเก่า มีลูกหลานมากมายแต่ตอนนี้เธอร้องเพลงไม่ได้เพราะเป็นมะเร็งกล่องเสียง ยายเงินจึงไปกรุงเทพเพื่อเข้าประกวดร้องเพลง แต่รถกลับมาเสียกลางทางจนไปไม่ทัน ยายเป้าร้องเพลงอีกครั้ง เพื่อร่วมทางถ่าย clip ไว้และ up ขึ้น youtube ทำให้ยายเงินได้เงินมารักษาหลานสาว

log

     คนที่แสดงเป็นยายเงินร้องเพลงเพราะมากเลยค่ะ แอบเข้าใจยายเป้าที่เป็นนักร้องเก่าอยากให้แกได้ร้องเพลงต่อหน้าผู้ฟัง เรื่องนี้ตอนแรกๆเหมือนจะเรื่อยๆ แต่สุดท้ายอีฉันก็ไม่พ้นมาบ่อน้ำตาแตก เอาตอนจบค่ะ กับฉากที่ยายเงินไปประกวดร้องเพลงไม่ทัน แต่ก็ยังพยายามทำตามคำสั่งเสียของยายเป้าที่ไม่สามารถร้องเพลงได้อีกแล้ว ยายเงินร้องเพลงท่ามกลางทุ่งนา โดยมีวิญญาณของยายเป้า(ละมั้ง) มาฟัง ก่อนที่จะค่อยๆ มีคนมารุมล้อม  “sing for me” แค่คนเพียงคนเดียวเห็นคุณค่าของเรา ก็มีค่าเหลือเกินแล้ว น้องเอมที่อยากเป็นลูกหมาที่มีประโยชน์ มีความคิดที่ถูกต้อง เป็นเด็กดีมากๆ น้ายกนิ้วให้

อมยิ้ม

 

       ก้องที่เพื่อนๆ ต่างเรียกเขาว่า จ่าเฉย เพราะไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ก็ไม่เคยมีใครเห็นเขาโกรธร้องไห้ หัวเราะ หรือแม้แต่ยิ้ม จนกลายเป็นของเล่นแสนสนุกน่าแกล้ง  จนมาวันหนึ่งทุกคนก็ต้องประหลาดใจเมื่อได้ข่าวว่า จ่าเฉยจะเล่นละครสอบซ่อมกับดาวนักเรียนหญิงแสนป๊อบของโรงเรียนเพราะเธอทะเลาะกับแฟนที่เป็นนักกีฬาสุดเท่เลยไม่มีคนแสดงด้วย และที่ไม่มีใครรู้คือก้องแอบชอบดาว ตลอดเวลาที่ซ้อมละครด้วยกันนอกจากดาวจะได้เห็นความพยายามของก้องแล้ว ยังได้เห็นสิ่งที่ทุกคนปฏิบัติกับก้อง ตอนแรกเธอกลัวว่าคนอื่นจะพลอยแกล้งเธอไปด้วย

      ถึงดาวจะกลับไปเล่นละครคู่กับแฟน แต่ก็ทนความเยอะของเขาไม่ไหวเลยขอเลิก ดาวไปขอโทษก้อง และขอให้กลับมาเล่นละครด้วย จนเกิดเป็นความรู้สึกดีๆ นักเรียนทั้งโรงเรียนแห่กันมาดู เตรียมพร้อมหัวเราะเยาะ แต่การแสดงประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย หลังการแสดงก้องเล่าให้ดาวฟังว่า เขาเป็นโรคที่ทำให้ไม่สามารถแสดงอารมณ์ได้ทางสีหน้า แต่ภายในเขาก็รู้สึกเหมือนกับคนทั่วไป และแอบอิจฉาคนอื่นๆ ที่แสดงอารมณ์ได้

log

     ชอบน้องสองคนที่เล่นเรื่องนี้มากค่ะ น้องชานนท์ที่เล่นเป็นจ่าเฉยนี่ก็เฉยได้ใจ จนกลายเป็นว่าเห็นตัวจริงยิ้มสดใสจากรูปใน internet แอบไม่ชิน บทนี้เหมาะกับน้องนะ เล่นได้น่าเอ็นดูมาก ส่วนพลอยชมพู ที่รับบทเป็น ดาว นี่เป็นสาวน้อยที่ยิ้มแล้วโลกสว่างสดใสจริงๆ

     ดูเรื่องนี้แล้วแอบเคืองไปด้วยตลอดเรื่องเบาๆ กับการกลั่นแกล้งของเพื่อนที่ทำกับก้อง นี่ถ้าไม่เข้มแข็งระดับหนึ่งนี่อาจมีจิตตกทำร้ายตัวเองได้เลย ขนาดนางเอกเห็นยังกลัว ตีตัวออกห่างในตอนแรกเพราะกลัวที่จะโดนแกล้งไปด้วย แต่ฉากที่เลิกกับแฟนจอมหลงตัวเอง แล้วกลับมาขอโทษก้อง โดยบอกว่าตัวเองโครตเลวที่พูดแบบนั้นกับก้อง ยกนิ้วให้นางเลย

     จนฉากเล่นละครที่สวมบทเป็นสามีภรรยาน่ารักดีค่ะ เริ่มด้วยความฮาที่คนทั้งโรงเรียนอยากดูจ่าเฉยเล่นละคร จนห้องเรียนแทบแตก ต้องย้ายมาเล่นในหอประชุม หน้าตาก้องตอนอุทาน “เฮ้ย” กับ ตอนที่หันมาเจอคนเยอะเยอะ ก่อนจะจบละครด้วยประโยคที่สาวทุกคนต้องกรี๊ดในฉากขอคืนดี “ผมจะกลับมารักคุณได้ยังไง ในเมื่อผมไม่เคยไปไหน” แอบอยากเห็นน้อง 2 คนนี้มีผลงานด้วยกันอีก

      เรื่องนี้อิฉันก็ไม่พลาดเสียน้ำตาให้ก้องเช่นกันเจ้าค่ะ ตอนที่ก้องสารภาพกับดาวว่า เขาไม่สามารถแสดงอารมณ์ได้มาตั้งแต่เกิด แต่เขาสบายดีนะ ถึงจะอยากรู้ความสนุกของคนที่แสดงอารมณ์ กับข้อคิดว่า เบื้องหลังการแสดงออกต่างๆ นั้นอาจจะมีเบื้องหลัง โลกไม่ได้หมุนรอบตัวเรา ทุกคนมีเรื่องต้องเผชิยทั้งนั้น

ฝนตกที่ห้วยขาแข้ง

 

   “สืบ นาคะเสถียร” รับหน้าที่ในการช่วยชีวิตสัตว์ป่าที่รอดชีวิตหลังจากเขื่อนเชี่ยวหลานเปิดใช้ และดูแลจนกว่าจะสามารถปล่อยให้กลับคืนสู่ป่าอีกครั้ง สภาพสัตว์ที่รอดบ้าง ไม่รอดบ้างทำให้สืบให้ความช่วยเหลือในการคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนน้ำโจนอย่างสุดตัว คณะกรรมการรับฟังเสียงของสืบทำให้โครงการนี้ถูกพับไป  หลังจากนั้น สืบก็ขอย้ายมาเป็นหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์ป่าห้วยขาแข้ง สืบยืนหยัดต่อกรกับอิทธิพลมืด นักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐที่ทุจริตด้วยมือเปล่า และหัวใจที่จะไม่ยอมให้ผืนป่าของเมืองไทยต้องหมดสิ้นไปจนแทบไม่มีเวลาให้ลูกสาวคนเดียว สืบเข้ามายื่นเรื่องเพื่อขอให้เพิ่มการสนับสนุนในการรักษาป่าห้วยขาแข้ง แต่คำถามที่ผู้ใหญ่ถามกลับมาว่า พวกคุณทำเต็มที่แล้วจริงๆ หรือ สืบจึงใช้ชีวิตของตนเองเป็นเครื่องพิสูจน์ เมื่อได้ทราบข่าวในภายหลังว่า คณะรัฐมนตรีกำลังจะเปิดสัมปทานป่าไม้ และ เปิดห้วยขาแข้งให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว หลังจากสืบเสียชีวิตผลงานชิ้นสุดท้ายของเขาทำให้ป่าห้วยขาแข้งได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ

log

     เรื่องนี้ถือเป็นตำนานของผู้พิทักษ์ป่าที่ยังคนดังอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ ตอนที่คุณสืบยิงตัวตายเราอายุ 8 ขวบ แต่ก็ยังพอจำได้ว่าเป็นข่าวใหญ่เหมือที่จำสงครามตะวันออกกลางได้ แต่กว่าจะได้รู้ถึงการใช้ชีวิตของคนๆนี้จริงๆ ก็ผ่านเวลามาระยะหนึ่งทุกครั้งที่ดูสารคดีหรือคนที่เคยร่วมงานกับเขาเล่าถึงคนๆ นี้ เรามักจะร้องไห้เสียเกือบทุกครั้ง ซาบซึ้งในความตั้งใจจริง และเสียดายคนดีแต่เหมือนจะเป็นต้องสละชีวิตเพื่อให้สิ่งที่ตนเองตั้งใจดังไปถึงหูของคนภายนอก

    สำหรับฉากประทับใจที่สุด ยกให้ตอนที่คุณสืบกล่าวคัดค้านการสร้างเขื่อนน้ำโจน “ผมอยากให้ทุกคนลองจินตนาการ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีครอบครัว มีพ่อ มีแม่ มีลูกเหมือนกับเรา สัตว์ป่ามีสิทธิ์ที่จะมีชีวิต มนุษย์เรามีสิทธิ์อะไรไปเอาชีวิตของมัน” ยิ่งพอฉากจบของ MV ที่ น้ำฝน ลูกสาวของคุณสืบวิ่งไปจับมือพ่อ หลังจากที่คนดูเพิ่งเห็นฉากที่เธอต้องร้องไห้ตอนที่อ่านจดหมายที่พ่อทิ้งไว้ ร้องไห้หนักมากจริงๆ ค่ะ

    สำหรับนักแสดงที่สวมบทเป็น คุณสืบ คงไม่มีอะไรต้องกล่าว กับฝีมือของคนๆ นี้เชื่อใจได้ หนังเรื่องนี้สอนเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต และความมุ่งมั่นที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จ เหมือนที่ห้วยขาแข้งได้เป็นมรดกโลก และผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย ด้วยจุดประกายแรงบันดาลใจมาจากเรื่องของบุคคลผู้นี้

ดาว

    เพราะวันพี่ปีนี้ พ่อของหนึ่งว่างมางานได้ แต่เด็กชายยังไม่มีเรื่องอะไรที่จะอวดพ่อได้เลยทั้งเรื่องการเรียนและกีฬา ทันทีที่ครูประกาศหาคนเชิญธงคนใหม่แทนพี่ ป.6 ที่กำลังจะจบไป หนึ่งจึงรีบลงสมัคร เพื่อทำให้พ่อภูมิใจ แต่ดันมี โก้ ที่เด่นกว่าหนึ่งทุกอย่างลงสมัครแข่งด้วยเพราะอยากใกล้ชิดกับสาวที่เขาชอบ คุณครูจึงให้ทั้งคู่แข่งกันทำความดี ซึ่งทั้งสองต่างก็พยายามทำความดีให้ครูเห็นอย่างเต็มที่

     ก่อนวันพ่อ พ่อโทรมาบอกว่ามางานที่โรงเรียนไม่ได้ เล่นเอาหนึ่งกับน้องชายเศร้า เรื่องจำนวนดาวทำความดีก็ทำท่าว่าจะแพ้ สุดท้ายถึงแม้หนึ่งจะมีโอกาสทำความดีให้ครูเห็นแซงหน้าคู่แข่งด้วยโอกาสที่น้องชายสร้างให้ แต่เหมือนเป็นการโกงหนึ่งจึงปล่อยมันไป

     พี่จับรถเที่ยวสุดท้ายมางานโรงเรียนทันจนได้ ถึงหนึ่งจะไม่มีเรื่องอื่นไว้อวดพ่อ แต่อย่างน้อยเขาก็มีความซื่อสัตย์จนได้ดาวบนบ่าพ่อเป็นรางวัล  

log

   ตัวอย่างของการทำความดีเอาหน้าโดยแท้เลยค่ะ ตำแหน่งการเป็นตัวแทนเชิญธงชาติก็เหมือนโลกของผู้ใหญ่ที่ตำแหน่งเชิดหน้าชูตาต่างต้องดิ้นรนเพื่อให้ได้มา แต่เหตุผลที่อยากทำให้พ่อภูมิใจของหนึ่งเป็นเหตุผลในการทำความดีแบบหวังผล สัมผัสหัวใจคนดูได้ไม่ยาก  เด็กๆ ทุกคนล้วนอยากทำให้ พ่อ แม่ หรือคนที่รักภูมิใจ แต่การที่เขาไม่ใช้วิธีที่ได้มาโดยมิชอบในการเดินไปให้ถึงฝั่งฝันต่างหากที่เป็นประเด็นที่เราประทับใจของเรื่องนี้ โดยเฉพาะตอนจบที่ พ่อ รู้เรื่องที่หนึ่งทำและปลดดาวจากบ่ามาติดให้ลูกชายน่าประทับใจมาก

เค้าโครงเรื่องย่อจาก : www.คีตราชนิพนธ์.com