ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Nasa a Human Adventure the Exhibition

nasa the exhibition WP_20150125_002

     นิทรรศการระดับโลกงานที่ 2 ถัดจาก Titanic the Artifact Exhibition 100th Anniversary ตอนปี 2555 คราวนี้ไม่ได้ฉายเดี่ยวหนีบน้องชายมาด้วย งานนี้ตั๋วมี 2 ราคา คือ ราคาวันหยุด กับราคาวันธรรมดา เนื่องจากวันนี้เป็นวันรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นวันหยุดกลางอาทิตย์คนจึงล้นหลามมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเด็กๆ ตอนแรกว่าจะมาให้ทันรอบ 10:00 น. แต่ทำไม่สำเร็จ เนื่องจากงานนี้จัดที่ BCC Hall CentralPlaza ลาดพร้าว บัตร the one card ก็เลยใช้เป็นส่วนลดได้ตั้งใบละ 150 เหลือราคา 350 บาท + ค่าออกบัตรเบ็ดเสร็จสนนราคาอยู่ที่ 370 บาทต่อหัว ไม่ต้องเสียค่าเช่า audio guide เพราะรวมอยู่ในนั้นแล้ว ได้ตั๋วมาตอนเที่ยวก็รีบแผ่นไปกินข้าวอย่างไวก่อนจะเพื่อมาเข้าแถวรอเข้ารอบ 13.00 น.

DSC_0001 WP_20141210_002 DSCF9509

     วันนี้คนเยอะมาจริงๆค่ะ รอบ 13.00 น. แถวเลี้ยวไปเลี้ยวมาประมาณ 3 ทบได้ สำหรับคนที่ไม่รอ audio guide สามารถเข้างานได้เลย แต่โดยส่วนตัวแล้วชอบฟังคำบรรยายเลยเลือกที่จะรอ เนื่องจากวันนี้คนเยอะ ห้องแรกที่จำลองเป็นลิฟท์ที่จะส่งนักบินอวกาศขึ้นสู่แท่นปล่อยเลยมีคนแน่นเป็นพิเศษ ตรงนี้ไม่มีอะไรหวือหวา เหมือนจะมีพื้นสั่นนิดหน่อย(หรือจะมโนไปเองก็ไม่รู้) ตามจอภาพที่ฉายว่าเรากำลังไต่ระดับความสูง ก่อนที่ไฟไซเรนจะเปิดพร้อมกับประตูอีกด้านไปสู่ทางเดินเข้าสู่ยานอวกาศ

WP_20141210_007 WP_20141210_006 DSCF9513 

     ก้าวแรกของการไปสู่อวกาศของมนุษย์เกิดจากจินตนาการค่ะ ห้องนี้จะคล้ายกับห้องภายในยานอวกาศในจินตนาการซึ่งถ่ายทอดผ่านตัวอักษร และภาพประกอบ ในห้องนี้ตรงกลางจะเป็นจอภาพประกอบกัน ฉายประวัติของนักฝันในศตวรรษก่อน ก่อนที่ความฝันของพวกเขาจะค่อยๆกลายเป็นความจริงในศตวรรษถัดมา ส่วนผนังด้านหลังจะเป็นทำเนียบของเหล่านักฝันค่ะ บรรยากาศน่าถ่ายรูปมาก เสียดายห้องมืดไปหน่อย บรรดาบุคคลในภาพมีชื่อเสียงขนาดที่เราไม่ค่อยได้อ่านนิยายแนวอวกาศยังเคยได้ยินชื่อ โดยส่วนตัวรักที่จะแหงนหน้าดูดาวมากกว่าออกไปนอกโลกเองค่ะ

WP_20141210_009 DSCF9502 DSCF9501

    และแล้วความฝันของนักฝันในศตวรรษก่อนก็กลายเป็นความจริง เริ่มด้วยการส่งดาวเทียมไปโคจรรอบโลก ก่อนที่การท่องไปในอวกาศจะเป็นรูปเป็นร่างเมื่อยูริ กาการิ เป็นมนุษย์คนแรกที่ได้ขึ้นไปยังอวกาศ ในสมัยนั้นเป็นยุคการแข่งขันทางด้านเทคโนโลยีอวกาศระหว่างสหรัฐอเมริกาและโซเวียตเป็นไปอย่างเข้มข้น ก่อนที่โซเวียตจะเป็นฝ่ายเฉือนชนะไปด้วยการส่งยูริขึ้นไปได้สำเร็จ ก่อนหน้าอลัน เชิฟเพิร์ดของอเมริกาเพียง 1 เดือนเท่านั้น ลุงคนนี้จำชื่อแกได้ตั้งกะตอนเรียนชั้นประถม จุดนี้จะจัดบอร์ดแบ่งเป็น 2 ฝั่ง สีแดงเป็นฝั่งโซเวียตส่วนสีฟ้าเป็นฝั่งสหรัฐอเมริกา ถ้าให้เลือกหลงฝั่งสีฟ้ามากกว่ากับคำคมของอดีตประธานาธิบดีเคเนดี้ “change is the law of life and those who look only past and present are curtain to miss the future”

DSCF9499 DSCF9496 DSCF9491 

     ถัดไปเป็นการจำลองบรรยากาศของบ้านชาวอเมริกันที่กำลังรอดูการถ่ายทอดสดเหตุการณ์การส่งจรวดขึ้นสู่อวกาศโดยประธานาธิบดีเคเนดี้เป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์เห็นแล้วนึกถึงตอนที่เราดูการถ่ายทอดสดการส่ง ดาวเทียมไทยคม 1 ซึ่งเป็นดาวเทียมดวงแรกของประเทศไทยขึ้นสู่อวกาศสมัยเรียนประถม ตอนนี้ดาวเทียมดวงนั้นน่าจะหมดอายุการใช้งานกลายเป็นขยะอวกาศไปแล้วกระมัง จุดนี้สื่อให้เห็นความการเดินทางสู่อวกาศกลายเป็นความฝันของเด็กๆ ห้องถัดไปเปิดให้ส่องดูดาวค่ะ กล้องนี้เหนือชั้นมากดวงดาวจะเปลี่ยนไปตามทิศทางที่เราส่ายกล้องไปเท่มาก ทางเดินต่อไปนี้เราจะได้เห็นชิ้นส่วนของความฝันแห่งการเดินทางสู่อวกาศกันแล้ว เริ่มจากการคำนวณเชิงทฤษฎี ซึ่งจุดนี้เขียนบนกระจก สวยมากๆ เห็นแล้วนึกถึงกาลิเลโอเลย แต่งห้องใช้บอร์ดแก้วก็สวยดีเหมือนกัน 

WP_20141210_032  DSCF9518 DSCF9524

      ห้องถัดไปจัดแสดงการเดินทางขึ้นสู่อวกาศ ว่าด้วยยานอวกาศแบบต่างๆ และชิ้นส่วนของจรวดในยุคก่อน ซึ่งในการส่งยานขึ้นไปในอวกาศแต่ละครั้งจะต้องใช้เชื้อเพลิงจำนวนมหาศาล โดยบรรจุอยู่ในชิ้นส่วนต่างๆที่สามารถปลดทิ้งได้เมื่อใช้งานแล้วเพื่อลดน้ำหนัก ซึ่งในถังเชื้อเพลิงจะบรรจุเชื้อเพลิง 2 สถานะ คือ ของเหลวที่จุดระเบิดได้ไว้ และของแข็งซึ่งเผาไหม้ได้นาน สุดท้ายชิ้นส่วนที่เหลือรอดไปโคจรในอวกาศจะเหลือเล็กนิดเดียว ก่อนที่จะพัฒนามาเป็นกระสวยอวกาศที่ส่วนยานจะสามารถนำมาใช้เดินทางไปในอวกาศได้อีกครั้ง เพื่อลดรายจ่ายในการสร้างยานสำรวจอวกาศลง ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นค่อนข้างซับซ้อนมาก ท่อโน่นนี่เยอะแยะไปหมด

WP_20141210_035 DSC_0061 WP_20141210_047

     ในที่สุดมนุษย์ก็สามารถเดินทางไปฝากรอยเท้าไว้บนดวงจันทร์ได้สำเร็จ ชุดอวกาศที่เราเห็นกันจนคุ้นตา พัฒนามาจากชุดป้องกันแรงดันของนักบินเครื่องบินรบในสมัยก่อน ซึ่งหน้าตาดูปุปะมาก เหมือนเดินออกมาจากหนังสยองขวัญยุคโบราณชอบกล ห้องนี้จะจัดแสดงยานสำรวจพื้นผิวรุ่นต่างๆทั้งของทางฝั่งอเมริกาและโซเวียต โดยส่วนตัวชอบยานสำรวจของโซเวียตมากกว่าเพราะหน้าตาน่ารักกว่า (มีสาระจริงๆนะตัวเธอ) ผิดกับยานของอเมริกาที่ทำเหมือนรถยนต์นั่งธรรมดา อีกส่วนที่น่าสนใจคือข้าวของที่มนุษย์อวกาศต้องนำติดตัวไปใช้นอกโลก ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ซึ่งถึงชื่อจะหรูแต่มันดูไม่น่าอร่อย ที่ติดใจสุดคงเป็นอุปกรณ์เย็บปักถักร้อยเพื่อใช้ในการซ่อมชุดอวกาศ เออนะ อยู่มาตั้งนานไม่เคยนึกถึง ของมันใช้งานก็ต้องมีขาดบ้างอะไรบ้างเป็นธรรมดา

DSCF9529 WP_20141210_054 WP_20141210_069 

     เก็บตกก่อนเข้าสู่ห้องถัดไป เป็นจุดที่เก็บรวบรวมความทรงจำของเหล่าบรรดาผู้มีความฝันทั้งหลายที่เสียชีวิตลงระหว่างการพยายามไล่ล่าความฝัน บางคนก็เสียชีวิตทั้งๆที่ยังไม่เคยได้ออกไปนอกชั้นบรรยากาศของโลก บางคนก็เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติภารกิจต่อๆมา ติดกันมีการกล่าวถึงโครงการ mercury 13 ซึ่งรวบรวมบรรดานักบินหญิงที่สามารถ จนได้รับการคัดเลือกเข้าทดสอบเพื่อเป็นนักบินอวกาศ แต่สมัยนั้นความเท่าเทียมกันระหว่างเพศยังไม่เหมือนสมัยนี้ โครงการนี้จึงต้องพับไปทั้งๆที่พวกเธอผ่านการทดสอบเหมือนกับนักบินชายทุกประการ

      ห้องถัดไปจะเล่าถึงประวัติของโครงการอวกาศต่างๆ ที่ดราม่ามากๆยกให้จุดหมายเลข 6.2 (จำชื่อยานไม่ได้ ขออภัย) ซึ่งเล่าถึงการออกแบบประตูฉุกเฉินว่า มีอยู่ช่วงหนึ่งระหว่างปฏิบัติภารกิจเมื่อยานตกลงบนผิวน้ำและจมลง นักบินในภารกิจนั้นแจ้งว่าประตูฉุกเฉินเปิดออกเองจนเป็นผลให้เขาไม่สามารถรักษายานไว้ได้ ต้องปล่อยให้ยานจมลงสู่ก้นทะเล ซึ่ง ณ ตอนนั้นไม่มีหลักฐานใดนอกจากคำบอกเล่าของนักบิน ภารกิจต่อมาทีมวิศวกรเลยออกแบบซะแน่นหนา มาม่ายังไม่จบแค่นั้นเมื่อดันเกิดเพลิงไหม้ขึ้นมาในตัวยาน ด้วยความที่ประตูแน่นเกินไป นักบินในภารกิจนั้นหนีออกมาไม่ทันจนเกิดเป็นเหตุโสกนาฏกรรม หลังจากนั้นก็มีการคิดถึงมาตรฐานของประตูฉุกเฉินกันอย่างจริงจัง อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ชอบยกให้ สไครูล ไม้บรรทัดที่มีสูตรสำหรับคำนวณ วิศวกรสมัยก่อนเค้าใช้กันก่อนที่คอมพิวเตอร์จะมายึดอำนาจ

WP_20141210_066 DSCF9478 WP_20141210_059

     โครงการอพอลโลเป็นชื่อที่เราคุ้นหูกันดี เมื่อยานอพอลโล 11 สามารถปฏิบัติภารกิจส่งมนุษย์ลงสู่พื้นผิวดวงจันทร์ได้สำเร็จ แต่ที่เราคุ้นเคยจากการดูภาพยนตร์มากที่สุดต้องยกให้ อพอลโล 13 ซึ่งเกิดอุบัติเหตุระหว่างส่งยานขึ้นสู่อวกาศทำให้นักบินทั้ง 3 ไม่สามารถลงสู่พื้นผิวดวงจันทร์ได้สำเร็จ เราได้เห็นความพยายามของทีมภาคพื้นดินที่เรียกกันติดปากว่า ฮุสตัน ในการรักษาชีวิตของนักบินอวกาศอย่างสุดกำลัง โครงการนี้ถึงจะไม่สามารถไปถึงจุดหมายอย่างที่มุ่งหวังแต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเพราะสามารถนำนักบินอวกาศกลับสู่โลกได้อย่างปลอดภัย

DSCF9535 DSCF9545 DSC_0116

    ปิดท้ายด้วยแบบจำลองกระสวยอวกาศแอตแลนติส ที่เพิ่งปลดระวางไปไม่นานหลังจากเดินไปไปสู่อวกาศถึง 126 เที่ยว ภาพในห้องนักบินไม่แตกต่างจากหนังอวกาศในปัจจุบันสักเท่าไหร่ ออกจากจุดนี้เป็นส่วนของเครื่องเล่นกับร้านขายของที่ระลึกซึ่งส่วนใหญ่เหมาะกับเด็กๆ ชุดอวกาศที่หมายมั่นปั้นมือก็กลายเป็นแค่สแตนด์ให้ยื่นหน้า แต่ไม่เป็นไรแค่ความรู้ในงานก็คุ้มราคาแล้ว

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชมรมรัก คลับมหาสนุก

ชื่อเรื่องภาษาไทย ชื่อเรื่องภาษาญี่ปุ่น ชมรมรัก คลับมหาสนุก ouran koukou host club เรื่อง และ ภาพ Bisco  hatori จำนวนเล่มทั้งหมด 18 สำนักพิมพ์ อ่านจบเมื่อ บงกชคอมมิคส์ 30 กรกฎาคม 2557 เรื่องย่อ            ฮารุฮิ เข้าเรียนในโรงเรียนโอรัง ที่แสนจะไฮโซด้วยทุนเรียนดี เธอใช้ชีวิตนักเรียนมัธยมปลายด้วยการแต่งตัวเป็นนักเรียนชาย     วันหนึ่งระหว่างหามุมสงบ ฮารุฮิเดินหลงเข้าไปในห้องดนตรี 3 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ host club ชมรมสุดเว่อร์ของโรงเรียน แถมยังซุ่มซ่ามไปทำแจกันราคา 8 ล้านเยนแตก รุ่นพี่ที่ชมรมจึงบังคับให้ฮารุฮิทำงานชดใช้  ฮารุฮิถูกจับแปลงโฉมเป็นหนุ่มน้อยหน้าสวยกลายเป็นหนึ่งใน Host ของชมรมที่รวบรวมสุดยอดหนุ่มเจ้าเสน่ห์ของโรงเรียน       ฮารุฮิรู้ตัวว่าชอบทามากิ แต่ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้าเพราะทามากิมีปมในจิตใจเรื่องครอบครัว สิ่งใดก็ตามที่อาจทำลายครอบครัวที่เขาสร้างขึ้น เจ้าตัวจะปฏิเสธโดยอัตโนมัติ ครอบครัวของทามากิหมายรวมสมาชิกชมรมโฮสท์คลับด้วย ฮิคารุจึงตัดสินใจบอกรักฮารุฮิ ซึ่งเป็นการทำตามความรู้สึกของตัวเองแต่ก็อยากช่วยกระตุ้นให้ทามากิทำความเข้าใจความรู้สึกของตัว

ปฐพีไร้พ่าย

    ชื่อเรื่อง ปฐพีไร้พ่าย เขียน Jiulufeixiang แปล Hongsamut จำนวนหน้า 865 สำนักพิมพ์ Hongsamut version Meb E book อ่านจบ 19 มีนาคม 2561 เรื่องย่อ      สิงอวิ๋นซื้อไก่ที่โดนถอนขนจนเหี้ยนผอมแห้งแรงน้อยมาจากตลาด ไก่ตัวนั้นคือ เสิ่นหลี อ๋องปี้ชางแห่งแดนอสูร นางหนีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์และพลาดท่าถูกกองทัพที่มาเชิญนางกลับแดนอสูรตามบัญชาของจอมอสูรทำร้ายจนบาดเจ็บ สิงอวิ๋นให้นางกินหมั่นโถวเป็นอาหาร จับเจ้าไก่ไร้ขนอาบน้ำ แถมยังใช้ให้เฝ้าบ้านเหมือนแกล้งกัน เพราะเขารู้ว่าไก่ตัวนี้ไม่ใช้ไก่ธรรมดา เสิ่นหลีจึงพยายามหนีจากเขาทันทีที่ร่างกายแข็งแรงพอแต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะโดนจับลงหม้อเป็นไก่ตุ๋น สุดท้ายก็ต้องกลับมาตายรัง และเพราะสิ่งอวิ๋นอยากจะซื้อเนื้อให้เจ้าไก่โง่ของเขากิน ถึงได้เผยความสามารถที่ปกปิดมาตลอดจนผู้อื่นเข้าใจว่าเขาเป็นเทพพยากรณ์จนเรื่องราวเลยเถิดกลายเป็นความขัดแย้งกับองค์รัชทายาท เสิ่นหลีปกป้องชายหนุ่มไว้ได้ก็จริง แต่เมื่อบ้านที่สงบสุขถูกเผาจนวอด แค้นนี้ต้องชำระ สิงอวิ๋นจึงเสนอความช่วยเหลืออ๋องยุ๋ย โอรสที่เกิดจากพระสนมให้ชิงตำแหน่งรัชทายาท เสิ่นหลีใจจริงไม

ยามเมื่อลมพัดหวน

  ชื่อเรื่อง ยามเมื่อลมพัดหวน เขียน วาณิช จรุงกิจอนันต์ จำนวนหน้า 188 สำนักพิมพ์ บูรพาสาส์น (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 กันยายน 2536)     เรื่องย่อ      การบูรเหมือนนกในกรงทองของพ่อกับแม่ ผิดกับน้องชายที่ได้ไปเรียนถึงประเทศอังกฤษ แต่ละวันการบูรต้องปวดหัวกับการรับมือผู้ชายที่เข้ามาติดพัน ซึ่งแต่ละคนต่างมีพ่อกับแม่ของเธอคอยถือหางทำให้การบูรไม่สามารถตัดรอนได้ เมื่อความเครียดสะสมมากเข้าหญิงสาวจึงขออนุญาตพ่อและแม่ไปหาน้องชายที่อังกฤษ วันที่การบูรไปถึงพาทีประสบอุบัติเหตุรถชนจนขาหัก ชงจึงอาสาไปรับการบูรให้ แต่พาทีเห็นชงเป็นคนเนื้อหอม เลยโกหกว่าการบูรแต่งงานแล้ว มีลูกสาว 1 คน และเขียนจดหมายฝากชงไปเตี้ยมกับการบูร โดนใส่ไฟว่าชงเป็นเสือผู้หญิง ให้การบูรระวังตัว ชงพาการบูรมาพักที่บ้านพี่อ้วน พี่แสด รุ่นพี่ที่ปารีสซึ่งคุ้นเคยกัน ชงพาการบูรเที่ยวปารีส ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน การบูรเห็นว่าชงออกจะสุภาพไม่เหมือนกับที่น้องชายบอกมาในจดหมาย ยิ่งเขาเจ็บตัวเพราะช่วยตามโจรวิ่งราวการบูรจึงหายกลัวชายหนุ่ม ชงเองก็เริ่มหวั่นไหวกับการบูรแบบที่ไม่เคยเกิดกับผู้หญิงคนไหน จนเล่าเรื่องรักครั้งแรกที่ทำให้เ