สำหรับปีนี้ เห็นโปสเตอร์โฆษณาใต้ที่ติดอยู่กับเสาค่ำยันางรถไฟฟ้าระหว่างขากลับจากไปประชุมที่ตึกจามจุรีสแควร์กับ ผอ. กลับมาก็รีบเปิด net หาบัตร รู้สึกว่าจะอยู่ในช่วงที่เพิ่งเริ่มประชาสัมพันธ์ ยังไม่ออกสื่อโทรทัศน์ เลยยังมีที่นังดีๆเหลืออยู่พอสมควร คราวนี้เลือกที่นั่งถัดจากข้างหน้าสักหน่อย เพราะตอนที่ดูปีแรกใกล้วงมโหรีมากไปหน่อย สำหรับราคายังย่อมเยาว์เหมือนเดิม
และแล้วก็มาถึงวันแสดง คราวนี้ไม่ทำพลาดวิ่งกระหืดกระหอบเหมือนคราวที่แล้ว เผื่อเวลาออกจากห้องไว้เกือบสองชั่วโมงประกอบกับมีการจัดรถตู้เวียนรับส่งผู้เข้มระหว่างสถานีรถไฟฟ้ากับศูนย์วัฒนธรรม เลยยิ่งประหยัดเวลาเข้าไปใหญ่ แถมมีน้องๆทหารบริการรถเข็นสำหรับผู้สงอายุด้วย สะดวกมากๆ สำหรับปีนี้สิ่งที่รอต้อนรับผู้เข้าชมดูน่าประทับใจมาก กับรูปประติมากรรมนารายณ์ทรงสุบรรณ มีคนรอถ่ายรูปเต็มไปหมด เลยไม่กล้ายืนถ่าย selfie เพราะมือถือไม่มีกล้องหน้า แค่ถ่ายรูปเก็บไว้แล้วฉากออกมานั่งกินมักกะโรนีรองท้อง + เข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย เพราะกว่าการแสดงจะจบก็ประมาณบ่ายโมงครี่ง ถึงตอนนั้นจะได้ฉากกลับไปเลยไม่ต้องวุ่นวายกับคนที่มารอชมรอบ 14.00 น. เริ่มการแสดงด้วยรำถวายพระพร นารายณ์เจ็ดปาง โดยมีพระนารายณ์ทรงสุบรรณลอยอยู่ด้านหลังสวยมากๆ
ฉากที่ 1 ท้องพระโรงกรุงลงกา การเริ่มเรื่องจะคล้ายๆกับตอนก่อนๆที่เมื่อทศกัณฑ์ได้ทราบข่าวการสุญเสีย และความพ่ายแพ้ต่อกองทัพของพระราม ก็จะเศร้าอยู่แป๊บเดียว แล้วก็คิดหาตัวแทนคนใหม่ที่จะไปรบ คราวนี้เป็นการรบขัดตาทัพระหว่างที่ อินทรชิต ลูกชายคนโปรดออกไปชุบศรนาคบาศ เลยใช้ให้วิรุณมุข หลายของตัวเอกซึ่งยังเป็นด็กหนุ่ม ไม่ได้โกนจุกเลยด้วยซ้ำออกไปรบ ฉากเตรียมพลตรงริมกำแพงกรุงลงกายิ่งใหญ่ และค่อนข้างใช้เวลานานมาก จนออกจพน่าเบื่ออยู่สักหน่อย ไหนจะตรวจพลอีก
ฉากที่ 2 พลับพลาของพระราม พอวิรุณมุขยกทัพมาถึง พิเภก CNN ประจำกองทัพควบตำแหน่งเทพบุตรพยากรณ์ก็รายงานพระรามว่านี่เป็นการรบเพื่อถ่วงเวลาให้ อินทรชิตชุบศรนาคบาศซึ่งถ้าไม่มีใครไปขัดขวางพิธี งานเข้าแน่ๆ พระรามจึงใช้ให้พระลักษณ์ไปรับศึกยักษ์เด็ก ในขณะเดียวกันก็ใช้ให้ชมพูวราชไปทำลายพิธีที่โพรงไม้โรทัน บนเขาอากาศ ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีลิงสีชมพูเหาะโดยใช้สลิง
ฉากที่ 3 โพรงไม้โรทัน อินทรชิตร่ายมนต์เรียกนาคมาฝูงหนึ่ง เพื่อคายพิษลงในบ่อชุบศรนาคบาศ ซึ่งมีนักแสดงใส่โขนนากประมาณ 8 – 9 ตน นำเรียงกันในลักษณะคล้ายๆการเคลื่อนไหวของงู ที่ตัวโพรงไม้ก็จะมีการทำเป็นนาคเล็กๆที่หัวขยับได้ ฉากนี้เป็นฉากที่ชอบที่สุดของเรื่อง พอชมพูวราชมาถึงก็แปลงร่างเป็นหมี ขึ้นไปขย่มกิ่งไม้จนหัก จากที่อ่านในพันธ์ทิพย์เห็นว่ามีอยู่รอบนึงคุณหมีตกลงมากจากต้นไม้ด้วย ด้วยความที่อินทรชิตเกลียดหมีอยู่เป็นทุนเดิม สมาธิเลยแตกซ่านออกมาฉะกับหมีจนพิธีล่มไปตามระเบียบ ส่วนหมีนั้นแปลงร่างเป็นลิงทะเลาะกับยักษ์อยู่ครู่นึงก็สะบัดตรูบินกลับไปก่อนที่จะทำเกินหน้าที่
ฉากที่ 4 ศึกวิรุณมุข พระรามออกมารับศึก ผู้ใหญ่ตีกับเด็กย่อมได้เปรียบ วิรุณมุขเลยใช้วิธ๊กำบังกาย ซึ่งพิเภกแหล่งข่าว CNN ก็ช่วยบอกวิธีเอาชนะให้พระลักษณ์ใช้ตาข่ายเพชร วิรุณมุขจึงถูกจับ พระลักษณ์เห็นว่าแม่ทัพคราวนี้ยังเด็กจึงทำโทษแค่สักหน้าแล้วปล่อยกลับไป ความฮาจึงเริ่มขึ้นเมื่อ ราชมัณฑ์ซึ่งเป็นจำอวดหน้าม่านออกมาจัดการสักหน้าวิรุณมุข ด้วยความเป็นยักษ์เด็ก เลยต้องเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกันอยู่นาน มีแทรกการเมืองแบบรัวๆ แต่ก็เรียกเสียงฮากันไป โดยเฉพาะมุขจันทร์ อังคาร พุธ แถมมีกัดคนพากย์เป็นวิรุณมุขเป็นพักๆ ตอนแกแทนตัวเองว่าหนู ว่าอีกไม่กี่ปีเจ้าของเสียงจะเกษียรแล้ว…ด้วยความที่นั่งใกล้คนพากย์ได้เห็นสีหน้ารางๆ อดขำไม่ได้
ฉากที่ 5 แก้มือ อินทรชิตสวนกับวิรุณมุขเลยนัดแนะกันให้วิรุณมุขแปลงร่างเป็นตนทำหน้าที่เป็นแม่ทัพ ส่วนเจ้าตัวจะบินอยู่เหนือเมฆแผลงศรนาคบาศลงมา แล้วก็จะมีฝนนาคให้บรรดาลิงคว้าเอาไปพันตัวนอนตามบท ฉากนี้อลังการตอนที่พระรามมาแก้มนต์ แล้วก็ปราปฏครุฑบินลงมากยุดนาคออกจากตัวพระลักษณ์
และแล้วการแสดงก็จบลงอย่างงดงาม โดยรวมแล้วนอกจากเรื่องฉาก รู้สึกว่ามาตรฐานของนักแสดงตกลง เนื่องจากเห็นความไม่พร้อมเพรียง และในการโชว์บางจุดก็ไม่ที่ยกตัวไม่สำเร็จ อยากให้ปีหน้าปรับปรุงให้ดีขึ้น พยายามเข้านะเด็กๆ พี่สาวเป็นกำลังใจให้
credit รูปภาพประกอบขณะแสดง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น