วันนี้กว่าจะไสหัวออกจากที่พักก็สายพอดู สิบโมง สิบเอ็ดโมงได้ วันนี้เราเดินทางกันด้วยเท้าสองข้าง โดยอาศัยทิศทางที่สอบถามมาจากอากู๋ เมืองนี้เล็กนิดเดียวค่ะ บริเวณที่เราพักเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จนโรดมสีหนุ จึงไม่น่าแปลกใจที่บริเวณนี้ค่อนข้างเจริญผิดกับบริเวณที่เราขับรถออกไปแค่ครึ่งชั่วโมงลิบลับ แต่สิ่งก่อสร้างที่ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบันก็ยังไม่เปลี่ยนไปคือ กำแพงรูปเทวดายุดนาค แต่อันที่อยู่ตรงวงเวียนนี่น่าจะเป็นของเก่าที่ยกมาจากแถวนครวัดละมั้ง
โดยจุดหมายปลายทางแรกคือ ร้านอาหาร ก็นะจะเที่ยงอยู่แล้ว ต้องเติมกำลังกันสักหน่อย เป้าหมายของเราคือ ร้านอาหารจีนในห้องแถวค่อนข้างใหญ่แห่งหนึ่ง เนื่องจากความขี้เกียจในการคิด เราเลยสั่งข้าวผัดกับน้ำแอปเปิ้ลปั่น รสชาติของข้าวผัดก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากมาย แต่ที่เด็กคือน้ำแอปเปิ้ลปั่นเค้าใส่กะทิมาด้วยค่ะ ไอ้เราคิดว่าเค้าจะใส่กะทิเฉพาะน้ำมาพร้าวเลยสั่งน้ำแอปเปิ้ล ก็ยังไม่รอดอยู่ดี มิน่าในร้านถึงมีมะพร้าวกองอยู่เพียบ สรุป คือ ถ้าไม่อยากกินกะทิ มาเขมรอย่าสั่งน้ำปั่น สำหรับกะทิที่นี่คงเหมือนน้ำเชื่อมบ้านเรา แต่ที่น่าภูมิใจไม่หายว่าสินค้าไทยส่งออกได้ ก็ตอนมองถาดเครื่องปรุงนี่แหละ แหมช่างคุ้นเคย ภูเขาทอง รับรองมื้อนี้อร่อย
พอท้องอิ่มก็ได้ฤกา์ออกเดินทางต่อค่ะ เราเดินเลียบไปตามถนน เพื่อตัดสวนสาธารณะไปพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกัมพูชา ระหว่างทางมีพระพุทธรูปให้สักการะบูชาไม่ต่างจากประเทศไทย องค์แรกท่านประดิษฐานอยู่ตรงสามแยกตัววาย ใครนะช่างสร้างหรือท่านประดิษฐานอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่มีใครกล้าย้ายท่านก็ไม่รู้ ถัดมาอีกนิดเดียวเป็นศาลเจ้าแจก เจ้าจอมค่ะ เคยเห็นในโปรแกรมทัวร์ คิดว่าคนจะเยอะกว่านี้เสียอีก ใตหนึ่งก็อยากเข้าไปไหว้ อีกใจหนึ่งก็ขี้เกียจถอดรองเท้า สรุปว่าสองสาวก็ยกมือไหว้อยู่ตรงหน้าศาลนั่นเอง แล้วก็เดินเลยผ่านไป จะว่าไปทั่วไปในเสียมราฐนี่เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่โตมโหฬาร ไม่ต่ำกว่าร้อยปีทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นในสวนสาธารณะ หรือสองฝั่งถนนอยากรู้จริงๆว่าเป็นต้นไม่ดั่งเดิมถอนถางป่าสร้างเมือง หรือเพิ่งปลูกตอนสร้างเมืองเสร็จแล้ว แต่ที่แน่ๆ อยากให้เมืองไทยมีต้นไม่ใหญ่ๆแบบนี้บ้างจัง
ในที่สุดเราก็มาถึงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกัมพูชา มองจากด้านนอกแล้วตัวอาคารค่อนข้างทันสมับทีเดียวค่ะ เพราะเป็นตึกสร้างใหม่ ต่างกับของไทยที่ส่วนใหญ่จะบูรณอาคารเก่ามาดัดแปลงซึ่งก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ สำหรับค่าเข้าก็โหดได้ใจ 12$ ค่ะ ไม่รู้เพราะราคาค่อนที่ค่อนข้างแพงหรือเปล่า คนที่มาเยือนสถานที่แห่งนี้เลยน้อย เมื่อเทียบกับบริเวณนครวัดเอง ส่วนใหญ่ที่เห็นเป็นชาวตะวันตกค่ะ หรือไม่ก็กรุ๊ปทัวร์จากญี่ปุ่น ส่วนคนไทยน้อยมาก เจอแค่คนเดียวเอง อาจเป็นเพราะว่าเพิ่มอีกแค่ 8$ ก็จะเท่ากับราคาเข้าอุทยานทั้งอุทยานได้ทั้งวัน ไปวนสถานที่จริงน่าจะคุ้มกว่าก็เป็นได้ คู่มือนำเที่ยวที่วางไว้ให้หยิบมีภาษาไทยด้วยนะเออ
ห้องที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุด ยกให้ห้องแรกค่ะ กับห้องที่ชื่อว่า 1,000 buddha images ซึ่งก็เป็นไปตามชื่อ เราจะได้เห็นพระพุทธรูปเต็มไปหมด มีหลายขนาด ที่หน้าห้องมีธูปให้จุดไหว้ พร้อมเซียมซีด้วย เห็นแล้วแอบอย่างนั่งประหนึ่งอยู่ในวัด พระพุทธรูปที่เด่นและแปลก คงเป็นองค์ที่อยู่ในคู่มือ เล่าว่าเป็นแบบจำลองเหตุการตอนที่พระพุทธเจ้าของเราเป็นภิกษุของพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ท่านเสียสละนอนลงให้พระบนแอ่งน้ำเพื่อเป็นสะพานให้ท่านข้ามค่ะ ส่วนห้องอื่นๆก็จะเล่าเรื่องของอารยธรรมเขมรอย่างเป็นขั้นเป็นตอนพร้อมสื่อผสม ซึ่งจะเน้นการนับถือองค์เทพทั้ง 3 แห่งศาสนาฮินดู แต่เนื่องจากโบราณวัตถุส่วนใหญ่ของเขา คือ หินสลัก หินสลัก และหินสลัก ดูไปสักพักจะเริ่มเมา ข้าวของไม่ค่อยหลากหลายเหมือนของไทย เราเดินดูแบบอ่านบ้าง ข้ามบ้าง ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็ทั่ว
ขากลับเราเดินไปเรื่อยๆ แล้วก็มาแวะที่ไปรษณีย์เสียมราฐให้เพื่อนสาวส่งไปรษณียบัตรหาตัวเองที่เมืองไทย ตอนแรกก็ลังเลอยู่เพราะมีแบบสวยๆหลายใบ แต่รู้ตัวว่าไม่ใช่คนช่างเก็บ เดี๋ยวสักพักคงได้กวาดลงถังเลยไม่ส่งดีกว่า หลังจากนั้นเราก็เดินเลยไปดูวัดเขมรกันบ้าง รั้ววัดนี้อยู่ตรงข้ามที่พักเลยค่ะ โดยรวมก็คล้ายๆวัดไทย มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างที่ใช้สื่อถึงคำสอนของพระพุทธองค์ ด้วยความซน เลยลองเดินด้อมๆมองๆว่าเมรูเขมรหน้าตาเป็นยังไง เพราะไม่เจอระไรที่คล้ายของไทย มีสงสัยอาคารหลังหนึ่งหมือนกัน แต่ก็นะเค้าไม่กล้าถาม
ถัดมาอีกนิดหนึ่งเป็นตลาดเก่าค่ะ แหล่งของฝากกับของกิน ว่าแล้วขอเติมพลังสักหน่อย ด้วยขนมกุยช่ายเตาถ่าน ตัวขนมนี่คล้ายๆกับที่ไทยแต่น้ำจิ้มที่ไทยอร่อยกว่า อิ่มแล้วก็เดินซื้อของสักหน่อย ได้เสื้อยืดกับที่คั่นหนังสือมาเป็นที่ระลึก 2 อย่าง แม่ค้าที่นี่พูดไทยได้ ซื้อของสบาย แต่ละร้านราคาไม่เท่ากันอยากได้ของถูกต้องเดินหน่อย ถัดไปอีกฝั่งถนนเป็นตลาดสด หลังจากนั้นไปอีกหน่อย night market ซึ่งเป็นแหล่งแฮงเอ้าท์ของบรรดานักท่องเที่ยวก็เปิด แค่เดินดูเท่านั้นแหละค่ะ ไม่ได้ไปนั่งกับเค้าหรอก
ค่าใช้จ่ายวันที่ 3
ข้าวเช้า | 3.5 $ |
ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ | 12 $ |
เสื้อยืด | 70 ฿ |
ขนมกุ้ยช่าย | 0.5 $ |
ที่คั่นหนังสือ | 1 $ |
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น