ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เสียมราฐ วันที่ 1

      หลังจากกลับมาทำงานมีเงินเดือนอีกครั้งมาได้เกือบปี โครงการออกไปเปิดหูเปิดตาด้วยการไปท่องเที่ยวต่างประเทศก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างหลังจากที่เมื่อก่อนทำงานไม่ได้ลืมหูลืมตา มีเงินแต่ไม่มีเวลาใช้ เปลี่ยนมาเป็นพอมีเงินและมีเวลาหาความสุขใส่ตัว และจุดหมายแรกของการการเดินทางเพื่อเติมเต็มประสบการณ์ คือ นครวัต แหล่งอารยะธรรมอันยิ่งใหญ่ไม่ไกลจากชายแดนไทย

     เหตุที่เลือก นครวัต เป็นจุดหมายแรกวันหนึ่งไปเห็นโฆษณาของสายการบิน THAI AIR ASIA ว่าเปิดเส้นทางการบินใหม่จากกรุงเทพฯ สู่เสียมราฐ ด้วยเวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมง ราคาในขณะนั้นซึ่งมีกิจกรรมส่งเสริมการขาย ลด 20 % คือ ไป-กลับประมาณ 3,700 บาท การนัดแนะกับเพื่อนสนิทเพื่อวางแผนการเดินทางจึงเริ่มขึ้น โดยวางงบประมาณไว้ที่ประมาณ 10,000 บาท ในขณะเดียวกันก็ศึกษาโปรแกรมของบริษัททัวร์ต่างๆ เพื่อเป็นทางเลือก โดยกำหนดวันเดินทางไว้ที่เดือน ธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว เพราะเคยได้ยินใครต่อใครพูดกันว่า เขมรร้อน เลยพยายามหาช่วงเวลาที่อากาศน่าจะสบายที่สุด

      ในที่สุดแผนการเดินทางก็ค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างเมื่อเข้าสู่เดือน พฤศจิกายน ด้วยวิธีการที่นักท่องเที่ยวชาวไทย โดยเฉพาะพี่ๆผู้มีประสบการณ์ในพันธ์ทิพย์แนะนำ และค่อนข้างเป็นที่นิยม นั่นคือ รถบ่อน โดยคืนวันที่ 6 ธันวาคม 2556 การเดินทางของเราก็เริ่มขึ้น ด้วยกระเป๋าเป้สีเทาใส่เสื้อผ้า และเป้สีน่ำตาลสำหรับติดตัว บวกถุงกางเกงนอนอีก 1 ใบ ก็ออกเดินทางจากห้องเช่า ณ ถนนพหลโยธิน ไปยัง ห้องเช่าของเพื่อน ณ ถนนงามวงศ์วาน เพื่อที่พรุ่งนี้จะออกเดินทางพร้อมกันนเวลา ตีสี่ แต่เอาเข้าจริง ระหว่างเพื่อนจัดของก็นอนคุยไปเรื่อย กว่าจะได้หลับจริงๆก็ประมาณเที่ยงคืน   

WP_20131207_001 WP_20131207_002 WP_20131207_007

     วันรุ่งขึ้นตื่นตั้งแต่ตี 3 ครึ่ง เพื่อที่จะออกไปรอรถบ่อนที่โทรจองไว้ตั้งแต่เมื่อวาน (แอบโทรตอนนั่งอยู่กลางที่ประชุมด้วยนะเออ ) สองชีวิตโบกรถแท็กซี่พากันมารอรถที่หน้า พันธ์ทิพย์ งามวงศ์วาน ตอนตีสี่ เพื่อที่จะขึ้นรถตอน ตี่ 4 ยี่สิบ ระหว่างรอก็ชักภาพสภาพตัวเองตอนหน้าเปลือยๆไว้เป็นที่ระทึก… แต่ที่ฮาก็คือ รถที่มารับใน internet เขียนว่า พะเยาว์ ทัวร์ แต่ที่มารับจริงๆกลับเป็นรถอีกชื่อ แถมจอดตรงหน้าโรงเรียนกวดวิชา The brain ไม่ใข่ตรงป้ายรถเมล์ สองสาวด้อมๆมองๆอยู่พักหนึ่ง เพื่อนสาวเลยตัดสินใจเดินไปส่องทะเบียนรถ ปรากฎว่าใช่คันที่นัดให้มารับ เลยได้วิ่งหน้าเริ่มขึ้นรถ เพราะกลัวพี่ป้านาอาจะมีโมโห รถที่มารับเป็นรถทัวร์ปรับอากาศสองชั้นนั่งสบายค่ะ รถคันนี้จะแวะเวียนรับผู้โดยสารผ่านไปทางแยกเกษตร เลี้ยวเข้ารัชดา เลยไปโชคชัยสี่ จนถึงจุดพักรถแถวมีนบุรี ก็จะมีพนักงานเอาปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหูมาบริการ หลังจากนั้นไม่นานก็จะมีคนขึ้นมาเก็บพาสปอร์ต พร้อมกับจ่ายค่าเดินทาง คนละ 300 บาท ซึ่งหากอยากได้เงิน 200 บาทคืน จะต้องให้พาสปอร์ตคนรถไปจดหมายเลข เพื่อที่ว่าหลังจากเราเข้าไปเดินเตร็ดเตร่ในบ่อนครบ 2 ชั่วโมง ก็จะสามารถนำไปขึ้นเงินได้ แต่สำหรับพวกเราเวลาในการท่องเที่ยวสำคัญกว่าเลยเต็มใจจ่าย 300  เราเดินทางมาถึงตลาดโรงเกลือเวลาประมาณ 8.30 น. ภารกิจแรกคือ การหาห้องน้ำเข้า เพราะเราต้องเดินทางกันอีกไกล ระหว่างนั้นเพื่อนสาวก็แวะซื้อหมวกเพื่อเป็นอุปกรณ์ป้องกันการดำ แถมด้วยเสบียงใน seven เพื่อระท้องก่อนขึ้นรถ เพราะเราต้องต่อรถจากด่านปอยเปต เข้าไปอีกประมาณ 3 ชั่วโมง

DSCF0037 DSCF0040 DSCF0047

     หลังจากเตรียมตัวพร้อมก็ได้เวลาผ่านพิธีการข้ามแดน จุดตรวจหนังสือเดินทางเป็นเหมือนซอยให้เดินเข้าไม่ ไม่มีอะไรสะดุดตานอกจากป้ายสีน้ำเงินแขวนระบุไว้ พิธีการของฝั่งเราไม่มีอะไรมากค่ะ แค่ไปเข้าคิดให้เจ้าพนักงานตรวจสอบว่า คนที่ออกกับหนังสือเดินทางตรงกันหรือไม่ ปั๊มเสร็จก็เดินออกไปได้ ทางผ่านตรงพรหมแดนจะเป็นแหล่งที่ตั้งของ casino และโรงแรมทั้งหลาย ไม่แน่ใจว่าสามารถเดินเข้าไปได้เลยหรือเปล่า แต่จุดหมายปลายทางของเราไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นี้ ขั้นตอนต่อไปคือการตรวจหนังสือเดินทางเพื่อเข้าประเทศกัมพูชา และนี่คือการเดินทางข้ามประเทศแบบใช้พาสปอร์ตครั้งแรกของฉัน ประสบการณ์ความเปิ่นที่จะบรรยายให้ฟังอันดับแรก คือ ตราประทับในพาสปอร์ตมันไม่ชัดเจนเนื่องจากหมึกเป็นก้อนตรงวันที่ พอเจ้าหน้าที่ฝั่งกัมพูชาเห็นก็ควักแว่นขยายออกมาส่อง คนมองก็ลุ้นใจเต้นตุบๆ หลังจากนั้นก็พยักหน้าในสแกนลายนิ้วมือ 100 นิ้ว ด้วยความตื่นเต้นที่ไม่โดนไล่ให้กลับไปแก้เอกสารที่ฝั่งไทย เลยเผลอวางนิ้วผิดข้าง ทั้งๆที่แอบเล็งขั้นตอนจากฝรั่งข้างหน้าไว้แล้ว พี่เจ้าหน้าที่ก็ไม่พูด ใช้วิธีปัดมือเพื่อสือสารในทำนองว่าไม่ใช่ข้างนี้ ในที่สุดก็ผ่านเข้าไปเหยียบเมืองเขมรได้อย่างปลอดภัย ระหว่างพิธีตรวจคนเข้าเมือง ก็จะมีคนคอยมาถามว่าจะเดินทางไปเสียมราฐไหม (ก็นะเค้าเป็นถึง 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก) เราสองคนยังไม่ให้ความสนใจใครเป็นพิเศษ เลือกที่จะมานั่งตรงศาลาสีขาวรอให้เพื่อนสาวของฉันจัดการอาหารเช้าเสียก่อน ในส่วนของเรานั้นจัดการยืนกินตั้งกะตรงก่อนตรวจคนขาออกแล้ว ระหว่างที่นั่งๆอยู่ก็มีหนุ่มชาวเขมรเข้ามาคุย ดูเหมือนเข้าจะเคยมาทำงานในประเทศไทย เลยพอพูดภาษาไทยได้บ้าง ในขณะที่พูดภาษาอังกฤษได้ด้วย อาสาพาเรานั่งรถตู้ไปยังที่หมาย ระหว่างนั้นก็ชวนคุยโน่นนี่เกี่ยวกับเมืองไทยบ้าง ประเทศของตัวเองบ้าง

DSCF0051 WP_20131207_008 DSCF0061

     ในตอนแรกคิดว่าจพาเราไปถึงเสียมราฐเลย ที่ไหนได้กลับมาพาลงยังสถานที่ขนส่ง ที่ค่อนข้างร้างคน ตาม review ที่ศึกษามาดูเหมือนตรงนี้จะเป็นจุดที่ไว้สำหรับฟันค่าโดยสารแพงๆ สำหรับคนที่ต้องการไปด้วย taxi แต่ในขณะเดียวกันก็มีรถตู้ที่ให้บริการ แน่นอนว่าเราสองคนเลือกที่จะไปรถตู้เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ก็ต้องแลกกับการรอคอยที่ยาวนานกว่า คือหลังจากซื้อบัตรโดยสายสีเหลืองแล้ว ต้องนั่งรอตรงสถานีขนส่งเกือบชั่วโมง หลังจากนั้นก็ถูกต้อนไปรอบนรถตู้ร้อนๆอีก เพื่อรอผู้โดยสาร 2 คนสุดท้าย ระห่างนั้นก็จะมีคนรถมาแวะเวียนบอกว่า จ่ายเพิ่มคนละ $2 เพื่อที่จะให้รถออกเลยดีไหม แต่สาวแหม่มที่นั่งอยู่ข้างหน้าไม่ยอม พี่ไทยเราก็เลยตามแม่นาง นี่ถ้าอยู่กันเองก็ควักตังค์จ่ายไปแล้ว ระหว่างการรอคอยก็ได้เพื่อนใหม่มากค่ะ เป็นพี่สาวคนไทยที่ออกเดินทางคนเดียว หนุ่มญี่ปุ่น และหนุ่มเช็ค และในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดเมื่อมีหนุ่มตะวันตกสองคนถือตั๋วสีเหลืองเดินเข้ามา คนในรถต่างโห่ร้องด้วยความยินดีจนเจ้าตัวแปลกใจ พร้อมถามว่า “Are you waiting for me?” แทบทุกคนพร้อมใจกันตอบ YES แล้วการเดินทางช่วงที่ 3 ก็เริ่มขึ้น เราสองคนยึดที่นั่งหลังสุดด้านซ้าย ทิวทัศน์ระหว่างทางนอกจากภาษาที่แตกต่างแล้วก็คล้ายๆกับต่างจังหวัดของบ้านเรา ที่เต็มไปด้วยทุ่งนาและวัดวาอาราม ระหว่างทางเจ้าเด็กหนุ่มคนขับรถรับโทรศัพท์ตลอดทาง จนฝรั่งที่นั่งคู่ทนไม่ไหว บอกว่าถ้าจะคุยให้จอดรถก่อน ไม่รู้ว่าพ่อจ้าประคุณมีธุรกิจรัดตัวอะไรหนักหนา ระหว่างนั่งอยู่บนรถ เราก็ตกลงสนธิสัญญาหาเพื่อนร่วมหารค่ารถเที่ยวค่ะ ตอนแรกได้ 5 คน

      แต่พอถึงท่ารถ รู้ว่าจะต้องซื้อทัวร์ถึงจะได้รถสามล้อเขมรไปส่งที่โรงแรมฟรี ถ้าไม่อย่างนั้นต้องเสียค่ารถอีก $3 สาวไทย 3 คนเลยตกลงใจกันว่าจะซื้อทัวร์ค่ะ พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องวุ่นวายหารถตอนเช้ามืดเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้น อีกนัยหนึ่งคือกำลังกลุ่มใจว่าเงิน $ ที่แลกมามีแต่แบงค์ใหญ่ ถ้าต้องไปจ่ายยิบย่อยจะแย่ หลังจากนั้นก็โดยสารรถตุ๊กตุ๊กเขมรไปที่พัก สำหรับที่นอนของเราตลอด 3 คืน คือ Prohm Roth gesthouse ค่ะ อยู่กลางเมือง ไม่ใกล้จาก old market และ pubstreet มี wifi ฟรีทั้งอาคาร 3 คืนเราจ่ายไป $42 ค่ะ ที่ฮาก็คือ ห้องที่เราพักตู้เสื้อผ้าไม่มีฝา เพิ่งเคยเจอที่นี่เป็นที่แรก แถมประตูห้องน้ำก็ปิดไม่ได้ น่าจะเป็รเพราะประตูโดนน้ำนานจนบวม แต่เนื่องจากไปกับเพื่อนสาวแค่สองคน ไม่มีใครอยากดูของใคร ก็เลยไม่เครียดถึงขนาดต้องเปลี่ยนห้อง สนใจลอง serch หาใน booking.com ได้เลยค่ะ พักผ่อนสักเดี๋ยว หลังจากนั้นเราจะออกไปซื้อบัตรเข้าขมนครวัตกันตอน 4 โมงเย็น

WP_20131207_012  001

     ช่วงวันที่ 7 – 10 ธันวาคม เป็นช่วงวันหยุดยาวของคนไทยค่ะ คือลาแค่วันจันทร์ ที่ 9 ท่านจะได้วันหยุดติดกัน 4 วัน ตรงจุดซื้อบัตรเข้าชมก็เลยมีไทยเต็มไปหมด ขนาดที่ว่าบรรยายกาศเหมือนกับต่อแถวซื้อตั๋วอยู่หน้าปราสาทหินในประเทศไทยสักแห่ง บัตรที่เราซื้อเป็นบัตรสำหรับเที่ยวทั่วบริเวณที่เป็นปราสาทหินในแถบนครวัต ราคา $20 โดยหากซื้อหลัง 16.00 น. จะสามารถเข้าไปชมได้ตั้งแต่วันนี้เย็น รวมพรุ่งนี้ด้วยอีก 1 วัน ตอนซื้อต้องไปยืนตรงจุดที่เค้าทำเครื่องหมายไว้ ไม่ได้แต่งหน้าอะไรมากนอกจากเขียนคิ้วเพิ่ม หน้าที่ที่ออกมาเลยแปลกพิกล ผิดกับเพื่อนสาวรายนั้นลงทุนแต่งแบบเต็มที่ เลยได้รูปสวยๆเป็นที่ระลึกสมใจ

DSCF0090 WP_20131207_014 DSCF0094

     ตอนแรกที่คุยกับคนขายทัวร์ไว้ว่าจะไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่พนมบาเค็ง แต่พอเอาเข้าจริงพี่คนขับเอามาปล่อยที่นครวัตเฉยเลย แต่ตอนนั้นยังไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวเท่าไหร่ ตามประสาคนทำการบ้านมาน้อย เค้าให้ลงก็ลง โปรแกรมนครวัตที่ควรจะเป็นพรุ่งนี้เลยเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ ความประทับใจแรกที่มีต่อนครโบราณแห่งนี้คือ ความสวยงามของบารายที่รายรอบนครวัตค่ะ บารายเหล่านี้เป็นของเดิม กว้างน้ำนิ่งสงบสะท้อนภาพปราสาทหินสวยงาม เห็นแล้วนึกถึงนิยายที่เคยอ่าน อย่างเรื่อง สุริยวรรมัน ของ ทมยันตี ตามท้องเรื่องในนิยายเล่าถึงที่มาของแรงบันดาลใจในการสร้างนครวัต และกว่างถึงนางอัปสรที่เป็นเหมือนตัวแทนของนางเอกที่จากไปซึ่งกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ลงมือสลักเสลาด้วยตนเอง ส่วนตามจริงตามประวิติศาสตร์นั่นขอละไว้ให้ไปศึกษาเอาตามหนังสือสารคดีต่างๆ โดยส่วนตัวก็ซื้อหนังสือกับเค้ามาเหมือนกัน แต่อ่านไปได้ไม่กี่หน้าก็ถึงกำหนดเที่ยวซะก่อน

DSCF0108 DSCF8676 DSCF0159

    สำหรับวันแรก ด้วยความตื่นเต้นกับความสวยงามของนครวัตที่ได้เห็นกับตาตัวเองเป็นครั้งแรก เดินไปถ่ายรูปไป ทึ่งกับลวดลายที่เรียกได้ว่าทุกตารางนิ้วของผนังล้วนเต็มไปด้วยลวดลายแกะสลักละเอียดยิบ ตั้งแต่โคปุระชั้นนอก พระอาทิตย์ตกดินยังเดินไปไม่ถึงไหนเลย เข้ามาจากโคปุระชั้นนอก ตามสะพานนาค สองสาวเพื่อนร่วมทางมีแวะซื้อน้ำตาลสดจากหนุ่มเขมรที่เพิ่งปาดมาลดๆจากต้นตาลที่ขึ้นอยู่ทั่วไปในบริเวณนครวัต ยังไม่ทันถึงโคปุระชั้นในดีฟ้าก็มืด เลยต้องกลับแล้ว เพราะแถวนั้นไม่มีแหล่งกำเนิดแสงอื่นนอกจากแสงอาทิตย์ ตอนเดินออกมาก็แทบไม่เห็นทางเดินแล้ว

DSCF8692 DSCF8698 DSCF8703DSCF8707 DSCF8721 DSCF8730

     เรามาถึงที่หมายลำดับถัดไปเวลาประมาณ 18.30 น.  ที่นี่เป็นร้านอาหารบุปเฟ่ สไตล์ เขมร จุดมุ่งหมายที่เรามาที่นี่คือ ดูระบำอัปสรา แต่ที่นี่ไม่ได้มีโชว์ระบำอัปสราอย่างเดียว ก่อนหน้าที่ฟีนาเล่จะแสดง ก็มีการแสดงอื่นๆมาให้ผู้ชมเพลิดเพลินก่อน ได้แก่ ระบำที่คล้ายๆการรำอวยพร รำเกี่ยวสาว หนุ่มนี่นี่เป่าแคนร้อยมาลัยพวงยาวๆเหมือนแถวอีสาน ถีดไปเป็นการรำยกยูง รำนางสุวรรณมัจฉากับหนุมาน (หัวโขนหนุมานที่นี่ปาก้ากว้างกว่าที่เมืองไทยเราคุ้นเคย เรื่องความสวยงามอย่างไปเปรียงเทียบดีกว่า เพราะปกติดูแต่โขนพระราชทาน ความงดงามหาใดเปรียบอยู่แล้ว) และจบลงด้วยการรำอัปสรา ซึ่งเป็น hilight สังเกตจากบรรดาคนกินที่เป็นนักท่องเที่ยวเป็นส่วนใหญ่ต่างลุกไปจ่อกล้องที่หน้าเวทีเป็นทิวแถว การแสดงสุดท้ายจบลงประมาณ 20.00 น. ชาวคณะทั้งสามพร้อมใจกันมุ่งหน้ากลับไปนอนอย่างไม่ลังเล เพื่อเตรียมตัวตื่นตีสี มาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ นครวัต ตอนนัดพี่สามล้อแกแอบทำหน้าเมื่อยๆ ด้วย

บันทึกการเดินทางในวันแรกก็จบลงเพียงเท่านี้

สรุปค่าใช้จ่ายวันแรก

รถบ่อนไปอรัญประเทศ

300

รถตู้เข้าเสียมราฐ

$10

ทัวร์

$45

- ค่ารถเที่ยวเย็นวันที่ 8 $3  
- ค่าอาหาร ดูระบำอัปสรา   $12  
- ค่าบัตรเข้าชมนครวัต $20  
- ค่ารถเที่ยวตลอดวันที่ 9 $10  

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชมรมรัก คลับมหาสนุก

ชื่อเรื่องภาษาไทย ชื่อเรื่องภาษาญี่ปุ่น ชมรมรัก คลับมหาสนุก ouran koukou host club เรื่อง และ ภาพ Bisco  hatori จำนวนเล่มทั้งหมด 18 สำนักพิมพ์ อ่านจบเมื่อ บงกชคอมมิคส์ 30 กรกฎาคม 2557 เรื่องย่อ            ฮารุฮิ เข้าเรียนในโรงเรียนโอรัง ที่แสนจะไฮโซด้วยทุนเรียนดี เธอใช้ชีวิตนักเรียนมัธยมปลายด้วยการแต่งตัวเป็นนักเรียนชาย     วันหนึ่งระหว่างหามุมสงบ ฮารุฮิเดินหลงเข้าไปในห้องดนตรี 3 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ host club ชมรมสุดเว่อร์ของโรงเรียน แถมยังซุ่มซ่ามไปทำแจกันราคา 8 ล้านเยนแตก รุ่นพี่ที่ชมรมจึงบังคับให้ฮารุฮิทำงานชดใช้  ฮารุฮิถูกจับแปลงโฉมเป็นหนุ่มน้อยหน้าสวยกลายเป็นหนึ่งใน Host ของชมรมที่รวบรวมสุดยอดหนุ่มเจ้าเสน่ห์ของโรงเรียน       ฮารุฮิรู้ตัวว่าชอบทามากิ แต่ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้าเพราะทามากิมีปมในจิตใจเรื่องครอบครัว สิ่งใดก็ตามที่อาจทำลายครอบครัวที่เขาสร้างขึ้น เจ้าตัวจะปฏิเสธโดยอัตโนมัติ ครอบครัวของทามากิหมายรวมสมาชิกชมรมโฮสท์คลับด้วย ฮิคารุจึงตัดสินใจบอกรักฮารุฮิ ซึ่งเป็นการทำตามความรู้สึกของตัวเองแต่ก็อยากช่วยกระตุ้นให้ทามากิทำความเข้าใจความรู้สึกของตัว

ปฐพีไร้พ่าย

    ชื่อเรื่อง ปฐพีไร้พ่าย เขียน Jiulufeixiang แปล Hongsamut จำนวนหน้า 865 สำนักพิมพ์ Hongsamut version Meb E book อ่านจบ 19 มีนาคม 2561 เรื่องย่อ      สิงอวิ๋นซื้อไก่ที่โดนถอนขนจนเหี้ยนผอมแห้งแรงน้อยมาจากตลาด ไก่ตัวนั้นคือ เสิ่นหลี อ๋องปี้ชางแห่งแดนอสูร นางหนีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์และพลาดท่าถูกกองทัพที่มาเชิญนางกลับแดนอสูรตามบัญชาของจอมอสูรทำร้ายจนบาดเจ็บ สิงอวิ๋นให้นางกินหมั่นโถวเป็นอาหาร จับเจ้าไก่ไร้ขนอาบน้ำ แถมยังใช้ให้เฝ้าบ้านเหมือนแกล้งกัน เพราะเขารู้ว่าไก่ตัวนี้ไม่ใช้ไก่ธรรมดา เสิ่นหลีจึงพยายามหนีจากเขาทันทีที่ร่างกายแข็งแรงพอแต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะโดนจับลงหม้อเป็นไก่ตุ๋น สุดท้ายก็ต้องกลับมาตายรัง และเพราะสิ่งอวิ๋นอยากจะซื้อเนื้อให้เจ้าไก่โง่ของเขากิน ถึงได้เผยความสามารถที่ปกปิดมาตลอดจนผู้อื่นเข้าใจว่าเขาเป็นเทพพยากรณ์จนเรื่องราวเลยเถิดกลายเป็นความขัดแย้งกับองค์รัชทายาท เสิ่นหลีปกป้องชายหนุ่มไว้ได้ก็จริง แต่เมื่อบ้านที่สงบสุขถูกเผาจนวอด แค้นนี้ต้องชำระ สิงอวิ๋นจึงเสนอความช่วยเหลืออ๋องยุ๋ย โอรสที่เกิดจากพระสนมให้ชิงตำแหน่งรัชทายาท เสิ่นหลีใจจริงไม

ยามเมื่อลมพัดหวน

  ชื่อเรื่อง ยามเมื่อลมพัดหวน เขียน วาณิช จรุงกิจอนันต์ จำนวนหน้า 188 สำนักพิมพ์ บูรพาสาส์น (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 กันยายน 2536)     เรื่องย่อ      การบูรเหมือนนกในกรงทองของพ่อกับแม่ ผิดกับน้องชายที่ได้ไปเรียนถึงประเทศอังกฤษ แต่ละวันการบูรต้องปวดหัวกับการรับมือผู้ชายที่เข้ามาติดพัน ซึ่งแต่ละคนต่างมีพ่อกับแม่ของเธอคอยถือหางทำให้การบูรไม่สามารถตัดรอนได้ เมื่อความเครียดสะสมมากเข้าหญิงสาวจึงขออนุญาตพ่อและแม่ไปหาน้องชายที่อังกฤษ วันที่การบูรไปถึงพาทีประสบอุบัติเหตุรถชนจนขาหัก ชงจึงอาสาไปรับการบูรให้ แต่พาทีเห็นชงเป็นคนเนื้อหอม เลยโกหกว่าการบูรแต่งงานแล้ว มีลูกสาว 1 คน และเขียนจดหมายฝากชงไปเตี้ยมกับการบูร โดนใส่ไฟว่าชงเป็นเสือผู้หญิง ให้การบูรระวังตัว ชงพาการบูรมาพักที่บ้านพี่อ้วน พี่แสด รุ่นพี่ที่ปารีสซึ่งคุ้นเคยกัน ชงพาการบูรเที่ยวปารีส ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน การบูรเห็นว่าชงออกจะสุภาพไม่เหมือนกับที่น้องชายบอกมาในจดหมาย ยิ่งเขาเจ็บตัวเพราะช่วยตามโจรวิ่งราวการบูรจึงหายกลัวชายหนุ่ม ชงเองก็เริ่มหวั่นไหวกับการบูรแบบที่ไม่เคยเกิดกับผู้หญิงคนไหน จนเล่าเรื่องรักครั้งแรกที่ทำให้เ