ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ | Howl’s Moving Castle |
เขียน | Diana Wynne Jones |
แปล | เศรษฐศิริ วงศ์ศรานนท์ |
ความยาว | 348 หน้า |
สำนักพิมพ์ | มติชน |
plot
เมื่อพ่อเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน โซฟีซึ่งเป็นลูกสาวคนโต และโตพอที่จะออกจากโรงเรียนโดยไม่ต้องกลับไปเรียนอีก จึงต้องรับหน้าที่เป็นเด็กฝึกงานของร้านขายหมวก สมบัติของพ่อที่ตอนนี้แม่เลี้ยงของเธอเป็นผู้ดูแลอยู่เพื่อให้พร้อมสำหรับการสืบทอดกิจการต่อ ในขณะที่น้องสาวของเธอถูกส่งไปอยู่ที่อื่นเพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆที่จะปูทางไปสู่อนาคตที่ตื่นเต้น ระหว่างประดิษฐ์หมวกแต่ละใบ โซฟีมักจะพูดกับหมวกไปด้วย เรื่องดีๆเหมือนที่โซฟีพูดกับหมวกเกิดขึ้นกับคนที่ซื้อหมวกใบนั้นไป ทำให้ร้านของเธอขายดี
วันหนึ่งแม่มดแห่งทุ่งร้างเดินเข้ามาในร้าน และสาปโซฟีให้กลายเป็นคนแก่ โดยบอกว่านี่เป็นการสั่งสอนที่โซฟีมายุ่งกับสิ่งที่เป็นของเธอ โซฟีเดินทางออกจากบ้านตามลำพังอย่างไร้จุดหมาย จนได้พบกับปราสาทเคลื่อนที่ของฮาวล์ โซฟีที่กำลังเหนื่อยอ่อนเดินเข้าไปในปราสาทด้วยความมั่นใจว่าด้วยรูปลักษณ์หญิงชรา เธอจะปลอดภัย เมื่อเข้าไปโซฟีพบเพียงไมเคิล ผู้ช่วยของพ่อมดฮาวล์เท่านั้น คืนนั้นโซฟีนอนบนเก้าอี้ข้างเตาไฟอันอบอุ่น เธอได้คุยกับ คาลซิเฟอร์ ปีศาจไฟของฮาวล์ ทั้งสองตกลงกันว่า มันจะแก้คำสาปให้เธอแลกกับการทำลายสัญญาระหว่างมันกับฮาวล์ที่พันธนาการมันไว้ แต่เนื่องจากการแก้คำสาปต้องใช้เวลา รวมถึงโซฟีต้องหาเบาะแสเกี่ยวกับคำสัญญานั้นด้วยตนเอง โซฟีจึงต้องอ้างว่าเป็นคนทำความสะอาดเพื่อให้ได้อาศัยอยู่ในปราสาทของฮาวล์ แม่มดแห่งทุ่งร้างส่งคำสาปมาเล่นงานฮาวล์เช่นกัน คำสาปนั้นบังคับให้เขาต้องกลับไปหานาง
องค์ประกอบในคำสาปของฮาวล์ค่อยเป็นจริงขึ้นมาทีละข้อ จนในที่สุดฮาวล์ก็ต้องเผชิญหน้ากับแม่มดแห่งทุ่งร้าง เขาออกอุบายเผยจุดอ่อนเพื่อล่อให้แม่มดเข้ามา ฮาวล์กำจัดแม่มดแห่งทุ่งร้างได้สำเร็จ แต่กลับพลาดท่าให้ปิศาจไฟของแม่มดเข้าถึงตัวคาลซิเฟอร์ ที่ครอบครองหัวใจของฮาวล์ไว้ ฮาวล์กระทบกระเทือนจนหมดสติไป โซฟีใช้พรสวรรค์ของเธอแย่งตัวคาลซิเฟอร์กลับมา และทำลายสัญญาระหว่างฮาวล์กับปิศาจไฟด้วยการคืนหัวใจให้ฮาวล์ หลังจากนั้นทั้งสองก็ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข
character
โซฟี แฮตเตอร์ : พ่อแม่ของเธอเปิดร้านขายหมวกสุภาพสตรีอยู่ในมาร์เก็ตชิปปิ้ง เธอเป็นพี่สาวคนโตในบรรดาพี่น้อง 3 คน แม่แท้ๆของเธอตายไปตั้งแต่โซฟีอายุได้ 2 ปี เมื่อบิดาเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน โซฟีจึงออกจากโรงเรียนมาเป็นเด็กฝึกงานที่ร้าน ซึ่งตอนนี้แฟนนี่แม่เลี้ยงของเธอเป็นผู้บริหาร เธอมีพรสวรรค์ที่สามารถใช้คำพูดให้ชีวิตกับสิ่งของ |
ฮาวล์ โฮเวลล์ เจนกินส์ : เจ้าของปราสาทเคลื่อนที่ เป็นที่ร่ำลือกันว่า ฮาวล์มักจะลักพาเด็กสาวๆไปและสูบวิญญาณของพวกเธอ นอกจากชื่อฮาวล์แล้ว ยังใช้ชื่อเจนกินส์เมื่ออยู่ในพอร์ตฮาเวน เป็นพ่อมดเพนดรากอนในคิงเบอร์รี่ เขาเป็นชาวเวลส์ ที่มาจากอีกโลกหนึ่งเข้ามาอยู่ในอินการี เขาทำสัญญากับปิศาจไฟ |
ไมเคิล ฟิชเชอร์ : ผู้ช่วยของพ่อมดฮาวล์ แม่ของเขาตายส่วนพ่อหายไปในพายุ เขาเลยต้องออกมาอยู่ข้างถนน ไมเคิลไปอาศัยนอนอยู่หน้าบ้านของฮาวล์ในพอร์ตฮาเวน จนได้เจอกับฮาวล์ |
เล็ตตี้ แฮตเตอร์ : น้องสาวคนรอง ซึ่งมีสายเลือดเดียวกับโซฟี เธอถูกส่งไปเป็นผู้ช่วยที่ร้านเซซารี่ ร้านขนมในมาร์เก็ตสแควร์ แต่เธอสับเปลี่ยนตัวกับมาร์ทา ไปเรียนเวทมนตร์กับมิสแฟร์แฟกซ์แทน |
มาร์ทา แฮตเตอร์ : น้องสาวคนสุดท้อง ซึ่งเกิดจากแฟนนี่ แม่เลี้ยงของโซฟี ถูกส่งไปเรียนเวทมนตร์กับมิสแฟร์แฟกซ์เพื่อเตรียมพร้อมออกแสวงโชค เธอสับเปลี่ยนตัวกับเล็ตตี้ไปเป็นผู้ช่วยที่ร้านเซซารี่แทน |
log
แรงบันดาลใจที่ทำให้อยากหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านมาจาก animation เรื่องโปรดของ Studio Ghibli เรื่อง Howl’s moving castle เรื่องราวความรักของสาวน้อยที่ถูกสาปให้กลายเป็นคนแก่ กับพ่อมดเจ้าเสน่ห์แต่ไร้หัวใจ อ่านแล้วติดใจจนต้องซื้อหนังสือเล่มนี้ถึงสองครั้ง แทนที่เล่มเก่าที่เพื่อนยืมไปอ่านแล้วไม่ได้คืน…
ฮาวล์ในหน้าหนังสือแตกต่างกับที่โลดแล่นใน animation ค่อนข้างมาก พูดให้ตรงจุดก็คงเป็น ดูเป็นคนไม่ได้เรื่องกว่า ยกตัวอย่างเช่น ฮาวน์ในหนังสือเจ้าชู้กว่า ผู้เขียนบรรยายพฤติกรรมของฮาวล์ผ่านไมเคิลและแคลซิเฟอร์ว่า จะสนใจผู้หญิงคนใดคนหนึ่งจนกว่าผู้หญิงคนนั้นจะหลงรักเขาเท่านั้น แถมยังใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอีกต่างหาก ตอนที่โซฟีมาอยู่ด้ยก็มักจะกัดเธอว่า “เป็นพวกชอบสอดรู้สอดเห็น” สรุปรวมแล้วแอบกลัวแทนโซฟีที่ต้องแต่งงานกับฮาวล์เหมือนกันนะเนี่ย แต่ถึงอย่างนั้นตอนที่ท้ายเรื่องที่ได้รู้ว่าจริงๆแล้วฮาวล์มีใจให้โซฟีตั้งแต่ตอนที่ได้เจอกันในมาร์เก็ตชิปปิ้งแค่เดี๋ยวเดียว และสืบเรื่องของเธอผ่านทางเล็ตตี้จนดูเหมือนว่าเขากำลังตามจีบเธอ แผนการต่างๆที่วางไว้เพื่อจัดการกับแม่มดแห่งทุ่งร้าง ก็ทำให้เราประทับใจในตัวของพ่อมดเจ้าเสน่ห์คนนี้เหมือนกัน
ในส่วนของปริศนาคำสาป และวีรกรรมต่างๆของแม่มดแห่งทุ่งร้าง ในหนังสือซับซ้อนซ่อนเงื่อน มีลุ้นกว่าเยอะ ไม่ว่าจะเป็นที่มาที่ไปของเจ้าหุ่นไล่กา สุนัขที่ถูกล่ามไวในพุ่มไม้ที่โซฟีบังเอิญไปเจอเข้าก่อนที่จะไปเจอปราสาทของฮาวล์ หรือแม้กระทั่งหัวกะโหลกที่กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ในปราสาทใครเลยจะรู้ว่านั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของคำสาปเหมือนกัน
ความรู้สึกหลังจากอ่านจบ คือ โลกแฟนตาซีของ Diana ก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบซึ่งแตกต่างจากแบบญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคย ไม่น่าแปลกใจที่เมื่อดัดแปลงเป็นฉบับภาพยนตร์อนิเมชั่นแล้ว ก็ยิ่งได้รับความนิยม เห็นว่ายังมีนิยายเรื่องถัดไปที่ถึงแม้ฮาวล์ กับโซฟีจะไม่ได้เป็นตัวละครหลัก แต่ก็มีบทบาทออกมาสร้างสีสันให้เรื่องราว ว่าแล้วงานสัปดาห์หนังสือคราวหน้า คงได้หยิบติดไม้ติดมือกลับมา เพราะเราอยากกลับไปเยื่ยมพ่อมด แม่มด คู่นี้อีกสักครั้ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น