ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กรุงเทพเมืองหนังสือโลก 2556

DSCF8533 DSCF8520 DSCF8474   

     วันนี้กลับมากรุงเทพฯตั้งแต่บ่าย เพราะอยากไปเดินงานกรุงเทพเมืองหนังสือโลก 2556 ที่ พารากอนฮอลล์ สยามพารากอน ก็นะในฐานะหนอนหนังสือคนหนึ่งก็อยากไปเดินดูสักหน่อย อีกอย่างงานที่เกี่ยวกับหนังสือแบบนี้อยากให้งานดูคนเยอะๆ เจ้าภาพจะได้มีกำลังใจ เดินเข้างานไปตอนบ่ายสี่โมงเย็น แอบตกใจเล็กน้อยเพราะคนในงานค่อนข้างบางตามาก แถมส่วนใหญ่คือคนที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานนั่นแหละ(สังเกตจากบัตรคล้องคอ) อาจเป็นเพราะการเตรียมงานยังไม่เรียบร้อย คนก็เลยยังไม่ค่อยกล้าเดินเข้ามาดู (ก็นะบางจุดยังแปะๆบอร์ดอยู่เลย) แต่สำหรับคนตั้งใจเดินอย่างเราไม่มีคำว่าถอยอยู่แล้ว

     ด้านนอกเป็นส่วนของนิทรรศการ 730 ปี วิวัฒน์อักษรและการอ่านไทย ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆลงบนสื่อกลาง ซึ่งเริ่มด้วยสิ่งที่เรียกว่า มุขปาฐะ ซึ่งหมายถึง การถ่ายทอดเรื่องราวโดยการบอกเล่าแบบปากต่อปาก ไม่มีการจดบันทึกเป็นตัวอักษร

DSCF8477 DSCF8478 DSCF8530

     หลังจากนั้นจึงวิวัฒนาการเป็นการจดบันทึกด้วยตัวอักษรแต่ โดยหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบันก็คือ ศิลาจารึก โดยแต่ละชาติพันธุ์ล้วนมีศิลาจารึกเป็นของตัวเอง ในส่วนของตัวอักษรเองก็มีการเปลี่ยนแปลงไปตามระยะเวลาจนถึงปัจจุบัน รวมถึงวิธีการบันทึกที่พัฒนาจากสมุดไทยจนกลายเป็น E-book ในปัจจุบัน

DSCF8482 DSCF8509 DSCF8486

    ติดกับนิทรรศการด้านในเป็นเวทีกิจกรรม ตอนเดินไปเจอเป็นกิจกรรมเปิดตัวหนังสือเกี่ยวกัย AEC ของสำนักพิมพ์สถาพร มีการแจกหนังสือด้วย ภายใน Paragon Hall ด้านในเป็นส่วนของนิทรรศการเกี่ยวกับสมเด็จพระเทพฯ ซึ่งจัดในชื่อ “สวนอักษรสมเด็จพระเทพรัตนฯ ซึ่งเล่ามุมมองของพระองค์ที่มีต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯในด้านต่างๆ

 DSCF8518 DSCF8488 DSCF8489

    จุดที่ชอบที่สุดคงเป็นแผ่นป้ายเล็กๆที่นำเอาข้อความสั้นๆจากหนังสือเล่มต่างๆซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของพระองค์ ไล่อ่านดู หนังสือราชนิพนธ์แปลเล่มใหม่ นารีนครา น่าอ่านมากๆ จดไส่รายชื่อหนังสือต้องซื้อในงานสัปดาห์หนังสือครั้งต่อไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนด้านหลังเป็นนิทรรศการย่อๆเกี่ยวกับกรุงเทพเมืองหนังสือโลก เห็น Project เกี่ยวกับการสร้างห้องสมุดใหญ่แห่งใหม่แล้ว อยากให้เกิดขึ้นเร็วๆจัง

 DSCF8513 DSCF8516 375990_592364167442672_276278649_n

     ด้านซ้ายเป็นนิทรรศการเล่าถึงเมืองหนังสือลำดับก่อนๆ แล้วก็มีถ้วยเกียรติยศของแต่ละเมืองมาจัดแสดงด้วย ซึ่งถ้วยของแต่ละเมืองจะไม่ซ้ำกัน สวยๆทั้งนั้นเลย ที่ชอบที่สุดเป็นอันนี้ค่ะ เหมือนถอดมาจากหนังสือเทพนิยายเจ้าหญิงเจ้าชายเลย ส่วนของกรุงเทพก็ตามภาพข่าวเลยค่ะ

 DSCF8502 DSCF8501 DSCF8504

    นอกจากนั้นยังมีมุมที่เปิดตัวหนังสือกลางใจราษฐ์ ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับพระราชประวัติของสมเด็จเพราะเจ้าอยู่หัว เป็นมุมขนาดกะทัดรัดที่จัดองค์ประกอบได้สวยมาก เลยได้ภาพถ่ายสวยๆมาจากตรงนี้หลายภาพ

DSCF8496 DSCF8519 

    ส่วนอื่นๆโดยรอบจะจัดเป็นมุมที่มีเนื้อหาแตกต่างกันไป เช่นมุมหนังสือเด็ก มุมวิทยาศาสตร์ มุมเศรษกิจพอเพียง(ตอนไปเจอลุงศิริชัยด้วย คิดถึงข้าวห่อสาหร่ายของแกจัง ไม่ได้กินมาตั้งนานแล้ว) ถ้าเดินดูไปแล้วเกิดหิวก็มีร้านโกปี้จำลองมาขายน้ำและไข่กะทะคลายหิวกระหายกันด้วย ตอนที่ถ่ายน้องๆคอสเพลย์มาซื้อของกินกันพอดี เลยได้บรรยากาศแปลกไปอีกแบบ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชมรมรัก คลับมหาสนุก

ชื่อเรื่องภาษาไทย ชื่อเรื่องภาษาญี่ปุ่น ชมรมรัก คลับมหาสนุก ouran koukou host club เรื่อง และ ภาพ Bisco  hatori จำนวนเล่มทั้งหมด 18 สำนักพิมพ์ อ่านจบเมื่อ บงกชคอมมิคส์ 30 กรกฎาคม 2557 เรื่องย่อ            ฮารุฮิ เข้าเรียนในโรงเรียนโอรัง ที่แสนจะไฮโซด้วยทุนเรียนดี เธอใช้ชีวิตนักเรียนมัธยมปลายด้วยการแต่งตัวเป็นนักเรียนชาย     วันหนึ่งระหว่างหามุมสงบ ฮารุฮิเดินหลงเข้าไปในห้องดนตรี 3 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ host club ชมรมสุดเว่อร์ของโรงเรียน แถมยังซุ่มซ่ามไปทำแจกันราคา 8 ล้านเยนแตก รุ่นพี่ที่ชมรมจึงบังคับให้ฮารุฮิทำงานชดใช้  ฮารุฮิถูกจับแปลงโฉมเป็นหนุ่มน้อยหน้าสวยกลายเป็นหนึ่งใน Host ของชมรมที่รวบรวมสุดยอดหนุ่มเจ้าเสน่ห์ของโรงเรียน       ฮารุฮิรู้ตัวว่าชอบทามากิ แต่ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้าเพราะทามากิมีปมในจิตใจเรื่องครอบครัว สิ่งใดก็ตามที่อาจทำลายครอบครัวที่เขาสร้างขึ้น เจ้าตัวจะปฏิเสธโดยอัตโนมัติ ครอบครัวของทามากิหมายรวมสมาชิกชมรมโฮสท์คลับด้วย ฮิคารุจึงตัดสินใจบอกรักฮารุฮิ ซึ่งเป็นการทำตามความรู้สึกของตัวเองแต่ก็อยากช่วยกระตุ้นให้ทามากิทำความเข้าใจความรู้สึกของตัว

ปฐพีไร้พ่าย

    ชื่อเรื่อง ปฐพีไร้พ่าย เขียน Jiulufeixiang แปล Hongsamut จำนวนหน้า 865 สำนักพิมพ์ Hongsamut version Meb E book อ่านจบ 19 มีนาคม 2561 เรื่องย่อ      สิงอวิ๋นซื้อไก่ที่โดนถอนขนจนเหี้ยนผอมแห้งแรงน้อยมาจากตลาด ไก่ตัวนั้นคือ เสิ่นหลี อ๋องปี้ชางแห่งแดนอสูร นางหนีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์และพลาดท่าถูกกองทัพที่มาเชิญนางกลับแดนอสูรตามบัญชาของจอมอสูรทำร้ายจนบาดเจ็บ สิงอวิ๋นให้นางกินหมั่นโถวเป็นอาหาร จับเจ้าไก่ไร้ขนอาบน้ำ แถมยังใช้ให้เฝ้าบ้านเหมือนแกล้งกัน เพราะเขารู้ว่าไก่ตัวนี้ไม่ใช้ไก่ธรรมดา เสิ่นหลีจึงพยายามหนีจากเขาทันทีที่ร่างกายแข็งแรงพอแต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะโดนจับลงหม้อเป็นไก่ตุ๋น สุดท้ายก็ต้องกลับมาตายรัง และเพราะสิ่งอวิ๋นอยากจะซื้อเนื้อให้เจ้าไก่โง่ของเขากิน ถึงได้เผยความสามารถที่ปกปิดมาตลอดจนผู้อื่นเข้าใจว่าเขาเป็นเทพพยากรณ์จนเรื่องราวเลยเถิดกลายเป็นความขัดแย้งกับองค์รัชทายาท เสิ่นหลีปกป้องชายหนุ่มไว้ได้ก็จริง แต่เมื่อบ้านที่สงบสุขถูกเผาจนวอด แค้นนี้ต้องชำระ สิงอวิ๋นจึงเสนอความช่วยเหลืออ๋องยุ๋ย โอรสที่เกิดจากพระสนมให้ชิงตำแหน่งรัชทายาท เสิ่นหลีใจจริงไม

ยามเมื่อลมพัดหวน

  ชื่อเรื่อง ยามเมื่อลมพัดหวน เขียน วาณิช จรุงกิจอนันต์ จำนวนหน้า 188 สำนักพิมพ์ บูรพาสาส์น (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 กันยายน 2536)     เรื่องย่อ      การบูรเหมือนนกในกรงทองของพ่อกับแม่ ผิดกับน้องชายที่ได้ไปเรียนถึงประเทศอังกฤษ แต่ละวันการบูรต้องปวดหัวกับการรับมือผู้ชายที่เข้ามาติดพัน ซึ่งแต่ละคนต่างมีพ่อกับแม่ของเธอคอยถือหางทำให้การบูรไม่สามารถตัดรอนได้ เมื่อความเครียดสะสมมากเข้าหญิงสาวจึงขออนุญาตพ่อและแม่ไปหาน้องชายที่อังกฤษ วันที่การบูรไปถึงพาทีประสบอุบัติเหตุรถชนจนขาหัก ชงจึงอาสาไปรับการบูรให้ แต่พาทีเห็นชงเป็นคนเนื้อหอม เลยโกหกว่าการบูรแต่งงานแล้ว มีลูกสาว 1 คน และเขียนจดหมายฝากชงไปเตี้ยมกับการบูร โดนใส่ไฟว่าชงเป็นเสือผู้หญิง ให้การบูรระวังตัว ชงพาการบูรมาพักที่บ้านพี่อ้วน พี่แสด รุ่นพี่ที่ปารีสซึ่งคุ้นเคยกัน ชงพาการบูรเที่ยวปารีส ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน การบูรเห็นว่าชงออกจะสุภาพไม่เหมือนกับที่น้องชายบอกมาในจดหมาย ยิ่งเขาเจ็บตัวเพราะช่วยตามโจรวิ่งราวการบูรจึงหายกลัวชายหนุ่ม ชงเองก็เริ่มหวั่นไหวกับการบูรแบบที่ไม่เคยเกิดกับผู้หญิงคนไหน จนเล่าเรื่องรักครั้งแรกที่ทำให้เ