plot
อุมิกับน้องๆอีก 2 คนมาอาศัยอยู่ที่บ้านของคุณยายที่เปิดเป็นหอพักสตรีด้วย อุมิแบ่งเบาภาระของคุณยายด้วยการรับผิดชอบดูแลความเรียบร้อยภายในบ้าน ทุกเช้าเธอจะต้องออกไปชักธงสัญญาณที่เสาธงในสวน ธงสัญญาณเหล่านี้พ่อที่เป็นนายเรือสอนให้ตั้งแต่เด็กๆ เขาบอกว่ามันจะช่วยนำชาวเรือกลับบ้าน ถึงแม้ในตอนนี้พ่อของเธอจะเสียชีวิตในสงครามเสียแล้ว แต่อุมิก็ยังชักธงขึ้นเสาทุกวันไม่เคยขาด
ที่โรงเรียนนักเรียนกลุ่มหนึ่งซึ่งใช้ตึกทรงตะวันตกเป็นที่ตั้งชมรมต่างๆรวมตัวกันคัดค้่านการทุบตึก ชุนแกนนำลงทุนโดดจากหลังคาลงมาที่บ่อน้ำด้านข้างเพื่อแสดงพลัง ทำให้เขาเป็นที่โด่งดังในหมู่นักเรียนหญิง น้องสาวของอุมิขอร้องให้เข้าไปในตึกกิจกรรมเป็นเพื่อนเธอเพื่อขอลายเซ็นชุน พอดีมือข้างขวาของเขาเจ็บ อุมิที่สายมือสวยเลยถูกไหว้วานให้ช่วยเขียนกระดาษไขเตรียมโรเนียวเก็งข้อสอบ หลังจากนั้นอุมิก็มาช่วยเขียนกระดาษไขอีกหลายครั้งจนสนใจเรื่องตึกกิจกรรม เธอเสนอให้ชุนทำความสะอาดและซ่อมแซมตึกให้ดูดี ซึ่งจะช่วยโน้มน้าวนักเรียนที่สนับสนุนการทุบตึกให้เปลี่ยนใจได้บ้าง โดยเกณฑ์นักเรียนหญิงมาช่วยกลุ่มใหญ่
คุณหมอที่เช่าห้องอยู่ในที่พักของอุมิกำลังจะย้ายออก เนื่องจากเธอเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเดียวกับอุมิ เลยเสนอให้อุมิชวนหนุ่มๆมางานเลี้ยงอำลา อุมิพาชุนเดินชมบ้านพักที่เมื่อก่อนเคยเป็นโรงพยาบาล เธอเล่าเรื่องครอบครัวของตัวเองให้ชุนฟัง พอรู้ว่าพ่อของอุมิคือ ยูอิจิโร่ ซาวามุระ ท่าทีที่เขาแสดงของกับอุมิก็เปลี่ยนไป อุมิข้องใจเรื่องนี้ เมื่อเธอถามเขาตรงๆชุนก็ตอบตามความจริงว่า เธอกับเขามีพ่อคนเดียวกัน ความลืมความรู้สึกที่มีต่อกันไปซะ แล้วกลับมาเป็นเพื่อนกันเท่านั้น
การร่วมแรงร่วมใจบูรณะตึกตะวันตกของเด็กๆสำเร็จลงอย่างสวยงาม นักเรียนที่เห็นความควรทุบตึกทิ้งก็เริ่มเปลี่ยนตวามคิด แต่ปัญหายังไม่จบเมื่อคณะกรรมการบริหารโรงเรียนลงมติให้ทุบตึกทิ้ง พวกเด็กๆส่งตัวแทนซึ่งมี ชุน และอุมิ รวมอยู่ด้วยไปทีโตเกียวเพื่อเจรจายับยั้ง อย่างน้อยก็ขอให้ฝ่ายนั้นมาดูสถานที่จริงสักครั้งก่อน ซึ่งอีกฝ่ายก็ตกลง
แม่ของอุมิกลับมาจากอเมริกา อุมิถามเรื่องชุนกับแม่ ความจริงคือ ชุน เป็นลูกของ ทาจิบานะ เพื่อนสนิทของพ่อที่เสียชีวิตในสงครามไปก่อน แม่ของเขาเสียชีวิตตามไปหลังจากคลอดชุน พ่อของอุมิไม่อยากให้เด็กถูกส่งไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเลยลงทะเบียนรับเป็นพ่อเด็ก แล้วเอาไปให้ครอบครัวคนรู้จักที่เพิ่งสูญเสียลูกไปเช่นกันช่วยเลี้ยง เพราะตอนนั้นแม่ของเธอท้องอุมิอยู่ คงไม่สามารถดูแลเด็กสองคนพร้อมกันได้
charecter
มาทสึซากิ อุมิ : เนื่องจากคุณพ่อที่เป็นกัปตันเรือเสียชีวิตในสงครามเกาหลี ส่วนคุณแม่ไปเรียนต่อที่อเมริกา ทำให้พวกเธอต้องมาอาศัยอยู่กับคุณยาย ณ บ้านเก่าที่เคยเป็นโรงพยาบาล แต่ตอนนี้เปิดเป็นที่พักอุมิที่เป็นพี่สาวคนโตของน้องสาวน้องชายอีก 2 คน เลยรับหน้าที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเรื่องความเรียบร้อยของบ้าน
คาซุมะ ชุน : เป็นหัวหน้าชมรมหนังสือพิมพ์ เขาเป็นลูกบุณธรรมของพ่อแม่คนปัจจุบัน พ่อของเขาเป็นนายเรือขับเรือโยง
log
เปิดเรื่องมาก็ประทับใจเลยค่ะ กับเพลงเปิดน่ารักๆ เหมือนกับคุณแม่บ้านกำลังฮัมเพลงอยู่ในครัวยามเช้า ให้บรรยากาศอบอุ่นดีจังค่ะ ว่าแล้วลองถอกความจาก ซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษมาลงสักหน่อย
“หม้อกำลังเดือด ข้าวกำลังหุง เตรียมเขียงไว้พร้อมสรรพ เต้าหู้เด้งไปมา ไข่ลื่นๆ ถั่วหมักหนืดกำลังดี ตอกไข่ลงในกระทะ คนซุปมิโสะในหม้อ คดข้าวใส่สำรับ ทุกอย่างพร้อมแล้ว ได้เวลาปลุกทุกคนในบ้านเสียที เรียกทุกคนมาที่โต๊ะอาหาร ตัดข้าว ทานอย่างใส่ใจ เป็นวันอากาศดีอีกวันหนึ่ง เราได้ทานมื้อเช้าที่แสนงดงามด้วยกันอีกมื้อ และฉันทำทั้งหมดนี้เพื่อเธอ ทานสิเร็วเข้า แต่ต้องลิ้มรสทุกคำที่ทานเข้าไปนะ” แปลกจบแล้วหิวข้าวขึ้นมาทันใด อยากกินซุปมิโสะ ไข่หวาน กับข้าวอย่างรุนแรง
ปมสำคัญของเรื่องนี้เป็นอะไรที่น่าตกใจสำหรับคนที่เกาะขอบจอติดตามผลงานของ Ghibli อย่างเรา เนื่องจากตอนกลางเรื่อง ชุน จะเฉลยว่า เขากับอุมิมีพ่อคนเดียวกัน เล่นเอาคนดูหงายเงิบ ไม่ได้ตกใจอะไรมากมายหรอกนะคะ เพราะมุกแบบนี้เห็นบ่อยในละครหลังข่าว แต่ที่หงายคือไม่คิดว่า Ghibli จะเอามุกนี้มาเล่นกับเขาด้วย ซึ่งเหมือนคนเขียนบทจะรู้ใจคนดู เพราะตอนที่ชุนบอกความจริงกับอุมิ มีประโยคนึงบอกว่า มันเหมือนกับละครหลังข่าว แบบว่าโดนมาก แทบจะพร้อมๆกับที่ประโยคนี้ผุดขึ้นมาในใจคดูเลยทีเดียว แต่มั่นใจได้ค่ะ ว่ามันต้องเป็นความเข้าใจผิดแน่ๆ แต่ที่ตรงไหนเท่านั้นเอง ตอนนั้นสงสารอุมิมากเลยค่ะ พอที่รักและนับถือมีลูกแอบไว้ ความสับสนคงเขย่าความเชื่อใจในตัวพ่อของเธออย่างรุนแรง แต่ถึงอย่างไรพอตกกลางคืนเมื่อเธอฝันถึงพ่อที่ตายไปแล้ว ก็ยังวิ่งเข้าไปกอด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้รู้เรื่องสุดแสนสะเทือนใจมา สิ่งที่อยู่ในใจเธอมันคงไม่ใช่แค่ความคิดถึง ตอนที่เธอร้องไห้ตอนที่รู้ความจริงทั้งหมด โล่งใจตามเธอเลย
เนื่องจากฉากหลังของเรื่องคือ ญี่ปุ่นยุค 60 สมัยคุณพ่อคุณแม่ของเรายังเด็ก เราจะได้เห็นเครื่องใช้ไฟฟ้ายุคแรกเริ่มอย่างเครื่องซักผ้าแบบที่มีตัวรีดน้ำแบบมือหมุน อันนี้เกิดไม่ทันจริงๆ จำความได้ก็เป็นแบบแยกถังแล้ว ดูๆไปนึกถึงเรื่อง before sunset at the third street ที่เราได้เห็นตู้เย็นแบบใช้น้ำแข็งในตอนต้นๆของเรื่อง อีกอย่างหนึ่งที่เห็นแล้วคิดถึงคือเครื่องโรเนียวค่ะ อันนี้อยู่ในการ์ตูนเก่ากว่าที่เคยเห็น เป็นแบบต้องหยิบกนะดาษออกเอง นึกถึงตอนประถมเวลาสอบกระดาษคำถามยังเป็นโรเนียวอยู่ จำได้ว่าพอเข้ามาเรียนมัธยมที่กรุงเทพก็เปลี่ยนเป็นการถ่ายเอกสารหมดแล้ว
ชื่อของ Studio Ghibli นี่เรื่องภาพหายห่วงได้เลยค่ะ ละเอียดมากๆ ในส่วนของการออกแบบก็เหมือนกันต้องขอชมเลย ทำได้ไงออกแบบสถานที่เน่าๆอย่างตึกชมรมให้ดูเจ๋ง ตึกก็ไม่ได้ใหญ่มาก หนุ่มๆกั้นเป็นห้องเล็กๆอยู่กันได้อย่างสันติ ขำตอนที่สาวๆที่ถูกเกณฑ์มาทำความสะอาดถามหนุ่มๆว่าได้ทำความสะอาดบ้างไหม แล้วก็ช่างตอบกันได้อย่างหน้าชื่นตาบานว่าไม่เคยเลยตั้งแต่เข้ามาอยู่ มนุษย์ที่มี DNA รักความสะอาดระดับปานกลางอย่างเราเห็นแล้วก็ปลง มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในสถานที่ซกมกได้ไม่เดือดร้อนมันมีอยู่จริงสินะ
สรุปความรู้สึกหลังดูจบคือ ชอบแต่ไม่ถึงขนาดเพ้อ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น