Iron Man

 plot

ภาค 1 –  26 กันยายน 2555

    โทนี่ CEO Stark Industry ถูกโจมตีระหว่างนั่งรถกลับจากสถานที่สาธิตจรวดทำลายล้างชนิดใหม่ล่าสุดในอัฟกานิสถาน เขารอดชีวิตจากการโจมตีด้วยอาวุธหนักของบริษัทตัสเองในสภาพที่ต้องติดแม่เหล็กไฟฟ้าไว้ที่หน้าอกตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้สะเก็ดอาวุธที่เหลืออยู่ในร่างกายพุ่งเข้าทำลายหัวใจ

    โทนี่ถูกกลุ่มก่อการร้ายบังคับให้สร้างจรวดทำลายล้างแบบที่เขาเพิ่งสาธิตด้วยอาวุธจากบริษัทตัวเองที่ผู้ก่อการร้ายครอบครองอยู่ แต่โทนี่แอบสร้างชุดเกราะเหล็กเพื่อใช้หนีจากรังโจร และเขาก็ทำได้สำเร็จตามเป้าหมายแต่ต้องสูญเสียเพื่อนที่ช่วยเหลือเขาทุกอย่างตลอดเวลาที่ติดอยู่ที่นั่น สิ่งที่โทนี่ได้เผชิญมาตลอด 3 เดือนทำให้ทำให้เขาตัดสินใจยกเลิกสายการผลิตอาวุธของ Stark industry ทั้งหมด โดยคาดหมายว่าจะเปลี่ยนไปพัฒนาเตาปฏิกรอาร์คขนาดเล็กที่เขาประดิษฐ์ขึ้นเพื่อนเป็นแหล่งพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่หน้าอกแทนแบตเตอร์รี่รถยนต์แทน ระหว่างรอให้หุ้นส่วนที่เขาไว้ใจดำเนินการ โทนี่เก็บตัวพัฒนาเกราะเหล็กที่เขาเริ่มไว้

    หุ้นส่วนของโทนี่หักหลังด้วยการเสนอให้บอร์ดบริหารแขวนโทนี่ แล้วผลิตอาวุธต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โทนี่ตัดสินใจใส่เกราะออกไปเก็ยกวาดอาวุธของบริษัทที่ถูกส่งออกไปทั้งหมด รวมถึงกวาดบริษัทของตัวเองให้สะอาดเพื่อสารต่อสิ่งที่ตั้งใจไว้แต่แรก

ภาค 2 – 3 ตุลาคม 2555

    พัลลาเดียมซึ่งเป็นแหล่งพลังงานของเตาปฏิกรณ์อาร์จก่อให้เกิดพิษต่อร่างกาย ซึ่งพิษของมันเริ่มสะสมมากขึ้นทุกที ทำให้โทนี่ริเริ่มทำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดงาน Stark Expo ซึ่งเป็นงานที่เหล่าหัวกะทิทางทั่วทุกมุมโลกจะมาแสดงวิสัยทัศน์เป็นระยะเวลา 1 ปีหลังจากที่พ่อของเขาเคยจัดขึ้นเมื่อปี 1974 บริจาคงานศิลป์ที่สะสมให้องค์การลูกเสือ ยกตำแหน่ง CEO ให้เพปเปอร์  

     ในขณะที่ผู้คนธรรมดากำลังชื่นชมความสามารถของ Iron man ที่ช่วยให้โลกเกิดสันติสุข แต่ทางฝากรัฐบาลเทคโนโลยีทางอาวุธสุดยอดแต่อยู่ในมือของคนอื่นก็เหมือนกับหอกข้างแคร่ พวกเขาพยายามกดดันให้โทนี่ส่งเกราะให้รัฐบาล ในขณะที่โทนี่ดังไปทั่วโลก แวนโค ทายาทของนักฟิสิกส์ชาวรัสเซียที่ร่วมคิดค้นเตาปฏิกรณ์อาร์คกับพ่อของโทนี่สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่มีแนวคิดคล้ายกับเกราะของโทนี่กลับมาแก้แค้นไล่ฆ่าโทนี่ในงานแข่งรถที่โมนาโคทำให้กองทัพยิ่งกดดันโทนี่มากขึ้น

    แฮมเมอร์คู่แข่งทรงธุรกิจของโทนี่ช่วยให้แวนโคแหกคุกเพื่อให้เขาพัฒนาอาวุธใหม่ที่มีความคล้ายคลึงกับเกราะของโทนี่ให้ ส่วนโทนี่ก็ใส่เกราะสติแตกในงานเลี้ยงวันเกิดของตัวเองเพราะรู้สึกถึงความตายที่คืบคลานเข้ามาใกล้กดดันให้เพื่อนของเขาใส่ชุดเกราะอันก่อนเพื่อนหยุดโทนี่และยึดชุดๆหนึ่งไป ฟิวรี่หัวหน้าหน่วย shield ดึดโทนี่กลับมา ให้เบาะแสเกี่ยวกับธาตุใหม่ที่พ่อของโทนี่คิดค้นขึ้น โทนี่สังเคราะห์ธาตุใหม่นั้นจากเบาะแสที่พ่อของเขาทิ้งไว้นำมาเป็นแหล่งพลังงานใหม่แทนพัลลาเดียมได้ทันเวลา

    แฮมเมอร์ได้รับมอบหมายให้ติดอาวุธเกราะที่กองทัพยึดไป เขาเอามันมาแสดงให้งาน Expo ร่วมกับหุ่นรบที่แวนโคพัฒนา โดยหารู้ไม่ว่าแวนโคเจาะเข้าระบบควบคุมกองทัพขนาดย่อมนี่ก่อความวุ่นวายโดยมีเป้าหมายหลักที่โทนี่ซึ่งสวมเกราะเข้ามาระงับเหตุการณ์

charecter

โทนี่ สตาร์ค : ลูกชายของฮาวเวิร์ด สตาร์ค ยอดนักคิดค้นอาวุธได้ปริญญาเกียรตินิยมจาก MIT ตั้งแต่อายุ 17 หลังจากนั้นไม่นานพ่อแม่ของเขาก็เสียชีวิต โทนี่กลับมานั่งแท่น CEO บริหาร Stark Industry อีกครั้งเมื่ออายุครบ 21 ปี เขาเปิดศักราชใหม่ของอาวุธที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง

เพปเปอร์ แพตส์ : ผู้ช่วยสาวสวยของโทนี่ มีหลายองค์กรแย่งตัวเธอ ให้ภาค 2 ได้เลื่อนเป็น CEO ของ Stark industry

ยินเซ่น : ผู้ช่วยชีวิตโทนี่ ก่อนที่จะถูกจับอยู่ในรังโจร เขาเป็นนักวิชาการคนหัวกะทิคนหนึ่ง เคยพบกับโทนี่ครั้งหนึ่งในงานนำเสนอผลงานทางวิชาการ พูดได้หลายภาษา

เจมส์ โร้ดส์ :  เพื่อนรักของโทนี่ เป็นนายทหารของกองทัพสหรัฐ

log

ภาค 1   

     เนื่องจากเรื่องนี้มีแผนว่าจะสร้างเป็นหนังไตรภาค เรื่องในภาคแรกจึงเน้นไปที่การปูพื้นฐานชีวิตของฮีโร่ในเรื่องเสียประมาณชั่วโมง บวกกับการคิดค้นเกราะเหล็กอีก กว่าจะเสร็จสมบูรณ์จริงๆก็ประมาณชั่วโมง 15 นาที ตรงส่วนนี้ก็ดูได้เรื่อยๆไม่ถึงกับหลับเพราะมีมุกที่พระเอกมาเป็นระยะๆ กับเทคโนโลยีน่าตื่นตาตื่นใจ เห็นโดยเฉพาะกระจกที่แสดงผลข้อมูลได้เมื่อต้องการ อยากให้เทคโนโลยีนี้ออกมาเร็วๆจัง

     ตัวละครที่ชอบของภาค 1 ยกให้คุณยินเซ่นที่ก่อนแกจะตายยังมีใจเมตตาช่วยชีวิตพ่อค้าอาวุธอันดับ 1 ของโลก ซึ้งกับประโยคก่อนตายของพี่แกที่ว่า ชีวิตคุณ…อย่าให้เสียชาติเกิด ถ้ายินเซ่นรู้ว่าหลังจากนี้โทนี่ทำตัวดีขึ้นชนิดหลังมือเป็นหน้ามือแกคงดีใจ

    จากสายตาคนที่เคยดู the advengers มาแล้ว คิดว่าภาคนี้ไม่สนุกเท่าไหร่ เหมือนระดับความกวนของโทนี่มันลดลงยังไงไม่รู้ ก็ดันดูจากหลังไปหน้านี่นะ

ภาค 2

 

     สำหรับภาค 2 ความรู้สึกยังคล้ายๆภาค 1 ตรงที่สิ่งที่ทำให้เราน้ำลายหกไม่ใช่ความมันส์ของตัวหนัง แต่เป็นเทคโนโลยีจองป๋าโทนีแก งาน Stark Expo ที่จัดยาวถึง 1 ปีเป็นอะไรที่น่าเที่ยวมาก คอมพิวเตอร์พกพาที่บางใสเหมือนแผ่นกระจกก็น่าสนใจ

 

     ภาคนี้ได้เห็นฮีโร่ใน the advengers โผล่มาด้วยค่ะ เอเจนท์โรมานอฟ แม่สาวฉายา Black widow ของเรานั่นเอง เรื่องนี้เธอปลอมตัวเป็นผู้ช่วยของโทนี่ในตอนแรก ออกมาแต่ละชุดสวยเนี้ยบจังเลย ชอบๆ

 

     เรื่องนี้ไม่มีฉากถูกใจเท่าไหร่ เราว่าตัวโกงตายง่ายไปด้วยซ้ำ มีสะดุดหน่อยก็ตรงสถานที่บู๊ในฉากสุดท้ายที่เป็นโดมจำลองบรรยากาศญี่ปุ่น ฉะกันท่ามกลางกลีบซากุระโปรยปราย นอกนั้นก็มีฉากช่วงแรกๆที่โทนี่ต้องขึ้นศาลไต่สวนเรื่องอาวุธ จะว่าไปมันเป็นการกัดรัฐบาลแบบเจ็บนิดเหมือนกัน อารมณ์ประมาณว่า ทำยังไงก็ได้ตรูจะต้องได้ปืนที่กระบอกโตที่สุดในสากลโลกมาไว้ในครอบครอง พอเจ้าของไม่ให้ก็เต้นสิคะ แถมตอนหลังยังเอาเกราะที่ไปตบเขามาออกแสดงหน้าด้านๆ โอละพ่อดีเหมือนกัน