จำได้ว่าตอนสมัยเรื่องนี้ออกใหม่ๆเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ตอนนั้นเรายังเรียนชั้นมัธยมอยู่เลย ลองเปิดหาข้อมูลดูตรงกับปี 1997 เป็นภาพยนตร์ที่เราดูซ้ำไปซ้ำมา 3 รอบ คือไม่ว่าใครจะไปดูเรื่องนี้แม่ตามไปหมดค่ะ แล้วก็หลงใหล ลีโอนาโด ที่เล่นเป็นแจ็คในเรื่องนี้มากๆ ถึงขนาดเจียดเงินค่าขนมซื้อโปสการ์ด สมุดภาพ วีดีโอพรีเมี่ยมราคา 800 บาทที่ต้องสั่งจอง ถึงตอนนี้ก็ยังอยู่นะคะ แต่เครื่องเล่นนั่นเสียชีวิตไปนานมากแล้ว ชะตากรรมเดียวกับเทปที่กองอยู่ในบ้านนั่นแหละค่ะ
พอรู้ว่ามีการนำเข้านิทรรศการนี้จากต่างประเทศมาจัดที่ประเทศไทย ก็เลยตื่นเต้นเป็นพิเศษ ดดยเฉพาะภาพถ่ายโถงบันไดในเรือที่เหมือนในหนังจริงๆ นัดน้องมาดูแต่ก็ไม่ได้ไปสักที เลยต้องฉายเดี่ยวตามระเบียบค่ะ ขืนรอคนอื่นก็ไม่ได้ไปดูสักที ฤกษ์งามยามดีมาลงวันที่ 12 สิงหาคมค่ะ เข้ากรุงเทพมาส่องณเดชน์กับญาญ่าแล้วค่อยไป อีกเหตุผลหนึ่งที่เลือกมาวันนี้เพราะคนน่าจะเยอะมาช่วยแชร์แอร์ ซึ่งช่วยให้คนขี้หนาวอย่างเราดูงานได้นานขึ้นสักนิด สำหรับงานนี้มีส่วนลดนะคะ มากน้อยตามสปอนเซอร์ เห็นชื่อเมืองไทยสมายคลับแล้วอยากกลับไปทำประกันกับบริษัทนี้จริงๆ ดูหนังฟังเพลงมีลดตลอดๆ แถมละตั้ง 20 % คราวนี้เลือกใช้ส่วนลดจากฝาเครื่องดื่มสิงห์ค่ะ กิน 2 ขวด 10 บาท จาก 500 ลดได้ 50 บาท กำไร 40 บาท สำหรับใครที่อยากได้เสียพากษ์เพราะๆ ต้องเสียค่าเช่า Ipod อีก 50 บาทค่ะ ไหนๆมาแล้วเราก็ต้อง Full option เพราะงั้นจัดมา บวก service charge อีก 10 บาท สรุปแล้วต้องควักกระเป๋าทั้งหมด 510 บาทค่ะ
ถ่ายรูปด้านหน้าตรงทางเข้ามาเป็นที่ระลึกนิดหน่อย เนื่องจากงานนี้ห้ามถ่ายรูปด้านในนะคะ ซึ่งก็ดีเหมือนกันเพราะจะได้ไม่รบกวนคนที่เดินดู ทั้งที่ตอนแรกๆให้ถ่ายได้แต่ห้ามใช้แฟลชค่ะ คิดว่าน่าจะเกิดจากนิสัยคนไทยที่ควบคุมยาก บวกกับจำนวนคนที่จะไปออตรงที่มุมสวยๆ เลยตัดปัญหาห้ามถ่ายทั้งหมดไปเลย ดังนั้นรูปที่ประกอบในบันทึกนี้จะมาจากกระทู้ รีวิวเล็กๆน้อยๆจากนิทรรศการ 100 ปี ไททานิค ของคุณ Prince_Airbus จากห้อง Blue Planet Pantip ค่ะ
หลังจากผ่านการตรวจสอบว่าเราไม่มีข้าวของอันต้องห้ามตามที่ประกาศไว้ ก็สามารถผ่านเข้าประตูเพื่อกลับสู่ประวัติศาสตร์เมื่อ 100 ปีก่อนค่ะ สิ่งแรกที่เราจะได้รับคือ Boarding Pass ของผู้โดยสารที่มีตัวตนจริง ตอนนี้เรากลายเป็นผู้โดยสารชั้น 2 Mrs. Allen O. Becker อายุ 38 มาจากอินเดียเพราะคุณสามีเป็นหมอสอนศาสนาอยู่ที่นั่น กระแตงลูกมาอีก 3 คน อายุ 12 , 4 และ 1 ขวบตามลำดับ โอ้ว เข้าบรรยากาศวันแม่สุดๆ
ส่วนที่ 1 จะกล่าวถึงที่มาของบริษัท White star line ผู้เกี่ยวข้องต่างๆ การออกแบบ การต่อเรือค่ะ อ่านตรงนี้จบจะมีสะพานแบบที่พาดจากฝั่งขึ้นไปบนเรือให้เราเดินเข้าสู่ส่วนที่ 2 เอาล่ะจะได้ขึ้นเรือกันแล้ว
ส่วนที่ 2 ถัดไปเป็นระเบียงทางเดินของผู้โดยสารชั้น 1 ค่ะ เดินอย่างเดียวนะคะ สองประตูรายทางเปิดไม่ได้ ลองมาแล้ว ฮิฮิ
ส่วนที่ 3 โถงบันไดหลักค่ะ เป็นจุดที่ทุกคนอยากถ่ายรูป เพราะเป็นฉากเด็ดในภาพยนตร์ นึกถึงตอนที่โรสตายแล้ว ได้มาพบแจ็คที่หันหลังยืนบนบันไดตรงหน้านาฬิกาเลยค่ะ ค่าถ่ายภาพใบละ 300 บาทแพงเอาเรื่อง ขอบายดีกว่า
ส่วนที่ 4 เลี้ยวจากโถงบันไดเราจะมาโผล่ที่ห้องจัดแสดงวิถีชีวิตของผู้โดยสารชั้น 1 ค่ะ ห้องนอนสวยดี แต่เตียงฝรั่งนี่ดูสั้นๆนะคะ บนเรือนี้เค้ามีน้ำประปาใช้ด้วยนะเออ
ส่วนที่ 5 ห้องนอนของผู้โดยสารชั้น 3 ค่ะ เล็กๆน่ารัก เตียง 2 ชั้น นอนห้องละ 4 คน อารมณ์เหมือนสมัยตอนเราอยู่หอที่ศาลายาเลย
ส่วนที่ 6 ถัดจากห้องผู้โดยสารชั้น 3 เป็นห้องเครื่องค่ะ ประตูกั้นน้ำที่เห็นอยู่นี่มีเป็นนวัตกรรมแห่งความปลอดภัยที่ทำให้ทุกคนมั่นใจว่ายังไงเรือก็ไม่จม แต่สุดท้ายก็เอาไม่อยู่นะคะ
ส่วนที่ 7 ระเบียงเรือค่ะ ตรงนี้สวยมากๆ จำลองท้องฟ้ากระจ่างดาวกลางทะเล เห็นตรงนี้แล้วอยากถ่ายรูปมากๆเลยค่ะ เราไปเกาะขอบระเบียงหันไปหันมาด้วยแหละ อารมณ์เด็กน้อยขึ้นเรือ คริ คริ
ส่วนที่ 8 เอาล่ะค่ะ สัญญาเตือนภูเขาน้ำแข็งถูกส่งออกมาจากเรือที่เดินทางล่วงหน้าไปก่อนหลายลำ ในงานมีภูเขาน้ำแข็งมาตั้งให้ลองลูบดูจริงๆด้วยนะคะ วันนี้เด็กเยอะค่ะ เราก็เลยเนียนๆไปลูบกับเขาด้วย แล้ววินาทีชีวิตก็มาถึง ไททานิคอับปางซะแล้ว
ส่วนที่ 9 จำลองสภาพใต้ท้องทะเลคณะสำรวจพบค่ะ ห้องนี้เป็นพื้นทราย ทางเดินเป็นไฟเบอร์กลาส ผู้ชมบางคนที่กลัวๆจะเดินไต่ไปตามโครงเหล็ก แต่สำหรับเราเตี้ยๆแค่นี้บ่ยั่น เดินมันกลางไฟเบอร์กลาสนี้แหละ
ส่วนที่ 10 ห้องไว้อาลัยค่ะ แสดงรายชื่อผู้โดยสารที่ขึ้นเรือทั้งหมด ด้านบนคือผู้ที่รอดชีวิต ส่วนด้านล่างคือผู้สูญหาย Mrs. Allen O. Becker เป็นผู้รอดชีวิตค่ะ (ก็นะกระแตงลูกเล็กๆ 3 คน ไปด้วยไม่ได้ขึ้นเรือช่วยชีวิตก็ใจหินเกินไปแล้ว) สังเกตว่ารายชื่อผู้สูญหายในส่วนผู้โดยสารชั้น 3 กับ ลูกเรือเยอะมาก
จบนิทรรศการแล้วค่ะ ตอนนี้มีน้ำตาคลอนิดหน่อยกับการเสียสละของผู้คนในนาทีวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นนักดนตรีที่บรรเลงดนตรีจนวินาทีสุดท้าย คุณพ่อที่ส่งภรรยากับลูกขึ้นเรือช่วยชีวิต แล้วเดินเลี่ยงออกมาสูบบุหรี่ส่งภรรยากับลูก เสียงพากษ์จาก Ipod ช่วยเพิ่งอารมณ์ซึ้งให้ได้เยอะเหมือนกันนะเนี่ย
เข้างานตอนบ่ายโมงครึ่ง ดูเสร็จก็ประมาณ บ่ายสามโมงครึ่ง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เราอ่านทุกตัวอักษรในความเร็วของคนที่มาคนเดียว ตอนเดินออกมาแอบโล่งใจเพราะเห็นมีมีคิวอยู่ตรงด้านล่างของบันไดเลื่อนด้วยค่ะ สงสัยเป็นเพราะช่วงนี้คุณแม่เข้าฟรีด้วยละมั้ง สาวโสดอย่างเรารีบกลับดีกว่าคนอื่นจะได้ดูบ้าง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น