เอิ่ม เห็นจั่วหัวอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ งานนี้ไม่ได้ไปแข่งเองค๊า ไปเป็นตากล้องประจำชมรมวู๊ดบอลของคุณพ่อเพราะรถตู้มีที่ว่าง พอลุงๆ อาๆ เค้าแข่งเราก็เนียนหนีเที่ยวบ้างอะไรบ้าง การแข่งขันกีฬาเริ่มตั้งแต่วันที่ 18 – 20 กรกฎาคม ได้หนีเที่ยวก็วันที่ 19 วันเดียว แต่ก็ไปได้หลายที่อยู่
ออกจากท่าเรือตั้งแต่ตี 4 ค่ะ เพื่อไปให้ทันประชุมตอนบ่ายค่ะ แวะทานอาหารเช้าที่นครสวรรค์ ที่ซึ่งแม่น้ำ 4 สายบรรจบกัน ต้นกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ แต่เสียดายช่วงนี้เขากำลังก่อสร้างพนังกั้นน้ำแบบถาวร วิวเลยไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ กว่าจะถ่ายรูปได้ต้องหาช่องกันสุดฤทธิ์ หลังจากนั้นก็แวะวัดแก้วฟ้าจุฬามณีเพื่อถ่ายรูปเป็นหลักฐานประกอบการเบิกค่าเดินทางค่ะ ไม่ค่อยได้เดินดูอะไรเท่าไหร่ วิ่งเข้าไปทำบุญโลงศพ ถ่ายรูปนิดหน่อย เอาไว้วันหลังค่อยแก้มือเนอะ
ได้เที่ยวเมืองแพร่จริงๆ ก็ที่นี่เลยค่ะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเมืองแพร่ พระธาตุช่อแฮ จริงๆพระธาตุชื่อแฮเป็นพระธาตุประจำปีขาลค่ะ ซึ่งเป็นปีเกิดของน้องชาย เราปีระกา ไม่ตรง แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไหว้เอาไว้ไม่เสียหลายเนอะ อันที่จริงมีทางรถขึ้นสำหรับผู้ที่ไม่สามารถเดินขึ้นได้ด้วยนะคะ แต่เนื่องจากเราถือคติว่า ถ้าเค้ามีบันไดต้องเดินขึ้น จะได้ได้บุญเยอะๆ อีกทั้งยังมั่นใจว่าอายุยังน้อยเดินขึ้นได้น่า แต่ผลปรากฎว่าเพราะการนี้ทำให้ได้อาการปวดกล้ามเนื้อเป็นของฝากจะเมืองแพร่ค่ะ ใช้ไม่ได้เลย สู้คุณพ่อคุณลุงอายุ 60 up ก็ไม่ได้ ขาลงยิ่งกว่าอีกค่ะ มองลงไปแล้วเสียวต้องขอเกาะหลังพ่อเดินลงมาด้วยกัน เดินเมี่ยงๆมองๆอยู่สักพักไปเจอของแปลกค่ะ หัวบันไดขึ้นอีกด้านซึ่งน่าจะเป็นของเก่ากว่า เค้าทำเป็นรูปยักษ์นั้งห้อยขาข้างเดียว สวยดีค่ะ
หลังจากนั้นก็มาต่อกันที่ คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ค่ะ เรื่องนี้ใช้เป็น location ถ่ายละครเรื่องรอยไหม ซึ่งเป็นละครที่เราติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ พระเอกนางเอกก็ แอฟ – อั้ม ค่ะ ที่คุ้มมีน้องๆเป็นมัคคุเทศก์นำชมด้วยค่ะ ระหว่างเดินชมก็ต้องตั้งสติเดินเบานะคะ จะลงเท้าหนักๆเหมือนบ้านปูนไม่ได้ ลองลงหนักไปสักหน่อยตู้กระจกที่อยู่ใกล้ๆจะสั่นกราว น่ากลัวล้มเป็นที่สุด นี่ล่ะนะสาวสมัยก่อนถึงได้เดินเรียบร้อยนัก ลงมาจากคุ้มก็ไปถอยหลังมุดคุกกันค่ะ ครั้งนี้ถือว่าเป็นการเดินในคุกครั้งแรก สิ่งที่รู้สึกได้เป็นอย่างแรกคือความหนักค่ะ เหมือนอากาศบนหัวมันกดลงมา อาจเป็นเพราะว่าที่นี่เป็นห้องใต้ดิน มีคุ้มทั้งคุ้มตั้งอยู่ด้านบนหรือเป็นพระบรรยากาศความทุกขเวทนาของคนที่ต้องโทษยังอวลอยู่ก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ที่แน่ใจมากๆคือ การไปอยู่ในที่แบบนี้ไม่ใช่เรื่องสนุกแน่นอน
บ้านประทับใจ เป็นบ้านไม้สักเสาร้อยต้น แต่ละต้นใหญ่มากค่ะ เครื่องเรือนต่างๆก็ทำจากไม้สักทั้งนั้น จัดมุมไว้ให้ถ่ายรูปด้วย ที่บ้านนี้มีสมุนไพรพวกแคปซูล ชาขายด้วยนะคะ คนในบ้านทำเอง คุณพ่อที่ไปด้วยกันถูกใจซื้อมาหลายอย่างเลย
สถานที่ท่องเที่ยวที่สุดท้ายในการเดินทางครั้งนี้ วนอุทยาน แพะเมืองผี ที่นี่มีป้ายขนาดใหญ่เล่าตำนานลึกลับของด้วยว่า มียายแก่เข้าไปหาของป่าแล้วหลงเข้าไปที่นี่ ไปเจอหลุมเงินหลุมทอง ยายแก่เอาเงินเอาทองใส่หาบกลับบ้านแต่เดินเท่าไหร่ก็หาทางออกไม่เจอ เพราะเทพารักษ์ที่รักษาป่าตั้งใจแค่อวดของให้เห็นเท่านั้น ยายแก่เลยเอาไม้มาคาดทำเป็นราว แต่ก็ยังเอาออกไปไม่ได้ เลยจำต้องทิ้งหาบไว้แล้วเรียกชาวบ้านมาดู(ช่างเอื้อเฟื้อจริงๆนะยาย)แต่พอมาถึงก็ไม่พบเงินทองแล้ว เดินตามรอยเท้าไปถึงเสาเมโรรอยเท้าก็หายไป เลยตั้งชื่อว่าแพะเมืองผี เดินเข้าเขตป่าแล้วรู้สึกได้เลยว่าอากาศสดชื่นมากๆๆๆ ผิดกับในเมืองที่คุ้นเคย ถ้าให้เลือกระหว่างทะเลกับป่าเลือกป่าเพราะอากาศสดชื่นนี่แหละ ถ้ามีน้ำตกให้เล่นนี่แจ่มเลย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น