สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเคยมีพระราชกระแสเล่าเรื่องที่ชาวบ้านภาคใต้มาถวายฎีกาต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือ “ในหลวง” ของปวงชนกับกลุ่มสื่อมวลชนหญิงเมื่อปี ๒๕๒๓ ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เกี่ยวกับสถานการณ์ภาคใต้ว่า
“ฎีกาที่ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นี้มีมากมายก่ายกอง ชาวบ้านก็มาปรับทุกข์กับในหลวง (ทรงพระสรวล) มีอะไรก็มาขอให้ท่านช่วยโน่นช่วยนี่”
สมเด็จ ทรงพระราชทานสัมภาษณ์ว่า “ชาวบ้านภาคใต้ฉลาด รู้ด้วยนะว่าฎีกานี้ต้องทำอย่างไร เขาเอาซ่อนไว้ใต้ดอกไม้ แล้วเอาดอกไม้นั้นมาให้ บุ้ยบ้ายบอกว่า นั่นข้างล่างนะ ฎีกาอยู่ข้างล่างนะ”
“รู้จักซ่อนด้วยนะ ซ่อนไว้ มิเช่นนั้นตำรวจเขาจะตรวจค้นก่อน อย่างที่ทุ่งใหญ่ นครศรีธรรมราชนี้ ถ้าตามไปดูจะเห็นเขามีเวรยามกันแล้วก็พยักหน้า อุตส่าห์ซ่อนแทรกเข้าไปไว้พับเสียจนเล็กนิดเดียว”
สมเด็จฯ ทรงพระราชทานสัมภาษณ์ว่า “ชาวบ้านจะเข้ามาร้องเรียนกับพระเจ้าอยู่หัวทุกเรื่อง เกี่ยวกับกฎหมายก็มี เช่น ชาวบ้านทุ่งใหญ่ฎีกาว่า ลูกน้องเสือฉลองฆ่าชาวบ้าน ปิดถนน ปิดโรงเรียน ปิดตลาด ปิดสวนยาง เขามาร้องไห้ บอกว่าไม่รู้จะเอาอะไรให้ขอร้องให้ในหลวงช่วย ขอให้ทหารของพระเจ้าแผ่นดินช่วย แล้วก็เซ็นชื่อกันยาว
“เมื่อฉันได้รับฎีกาแล้ว ก็จะซีร็อกซ์แล้วส่งไปให้ราชเลขาธิการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้วส่งไปที่ราชการ...ฉันเอาไปให้แม่ทัพ แม่ทัพเห็นเข้าก็อึ้ง”
“ปีที่เราไปทุ่งใหญ่ ได้เห็นสภาพคนแล้วสงสารที่สุดเลย เพราะที่นี่มีคนจน...จนชนิดที่เราไม่เคยเห็นที่ไหน เกือบจะไม่เป็นผู้เป็นคน เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ร่างกายขาดเลือดจนซีด ฉันเปิดตาดู ตาข้างในขาวเหมือนกับผ้าอย่างนี้ (ทรงจับไปที่ผ้าปูโต๊ะ)...คือ แทบไม่มีเลือดในตัว”
“ฉันให้แม่ทัพ ตอนนั้นเป็นคุณปิ่น ธรรมศรี (พลโทปิ่น ธรรมศรี อดีตแม่ทัพภาค 4) คุณเสริม เป็น ผบ.ทบ. (พลเอกเสริม ณ นคร) เมื่อคุณเปรมไปเฝ้าที่ตำหนักทักษิณฉันเลยให้คุณเปรมดู คุณเปรมก็ถามคุณปิ่นว่า ทำไมไม่ช่วยราษฎร แต่คุณปิ่นตอบว่า จะไม่ก้าวก่าย”
สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงหันมาถามนักข่าวหญิง ว่า “อันนี้การเมืองใช่ไหม ฉันไม่ทราบจะทำอย่างไร ถามฝรั่งให้เขาบอกคำจำกัดความมาสิว่า การเมืองนี่เป็นอย่างไร ฉันไม่ทราบจะทำอย่างไร เพราะราษฎรเอามาให้ช่วย”
“หนหนึ่ง ค้ำขำ มีเสียงตุ๊บๆ ตั๊บๆ หันไปมองว่าอะไรกัน ที่แท้เห็นสิริธร กับ จุฬาภรณ์ ไปแย่งฎีกามาจากตำรวจ โดยมากเป็นตำรวจราชสำนัก เขาไม่อยากให้ยุ่งการเมือง”
“คือประชาชนเห็นเราใกล้เข้ามา ก็คงอยากจะชักออกมาจากชายพก หรือตะกร้า ตำรวจก็แย่งมาเสีย สององค์นี่ก็ไปวิ่งแย่งจากมือตำรวจอีกที (ทรงพระสรวล) เสร็จแล้วแม่เล็กบอก เล็กได้มาแล้ว เล็กๆ ได้มาแล้ว”
“ก็บอกเขาไปว่าโธ่...คุณถ้าเผื่อปิดนี่ บ้านเมืองเราจะไปไม่ไหวนะ ราษฎรไม่รู้จะออกทางไหน เรามีหน้าที่เอามาแล้วเอาไปให้รัฐบาล”
“อย่าไปปิดประชาชน เขาไม่รู้จะไประบายทางไหน อย่าปิดเลยบ้านเมืองจะไม่ปลอดภัย”
เมื่อนักข่าวหญิงกราบบังคมทูลถามว่า ราษฎรส่วนใหญ่ถวายฎีกาด้วยเรื่องอะไร สมเด็จฯ รับสั่งตอบว่า
“ความไม่เป็นธรรมจากราชการ และเรื่องที่ดินที่ไม่มีเอกสารแต่จับจองมาแต่ครั้งปู่ย่าตายาย”
“ชาวบ้านเขาบอกว่าราชินีแปลงตัวมาสิ แล้วจะรู้ว่าราษฎรทุกข์ยากอย่างไร แต่อย่าเอาทหาร ตำรวจมานะ ราชินีแปลงตัวมารับรองปลอดภัยมาเฉพาะผู้หญิงนะ”
“ฉันไม่กล้าไปกลัวถูกจับ แต่เรื่องนี้พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่า ดีจะได้เป็นราชินีบนเขา” …
จากการพระราชทานสัมภาษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ จะเห็นได้ว่า ฎีการ้องทุกข์มักมาจากมือของชาวบ้านผู้ทุกข์ยากเอง และเรื่องทุกข์ร้อนคือ เรื่องที่ดินทำกิน และถูกทหาร ตำรวจ ข้าราชการ ที่ไม่ดีบางกลุ่มกดขี่ข่มเหงรังแก ฎีการ้องทุกข์ของประชาชนทั่วๆ ไปมีมานมนาน ทั้งร้องทุกข์เรื่องถูกข้าราชการกลั่นแกล้งรังแก และยากจนข้นแค้น ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานความช่วยเหลือไปแล้วมากมาย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น