เรื่อง | ลวิตร์ |
จำนวนเล่ม | ภาค 1 น้ำตาลร้อยสี 1 เล่ม ภาค 2 วสันต์กับเหมันต์ 2 เล่ม |
สำนักพิมพ์ | enter book |
plot
คาซีมีร์ แปลกกว่าเด็กคนอื่นตรงที่เขาไม่สามารถเข้าใจวิธีการอ่านเขียนเหมือนกับคนปกติ ทำให้เขาไม่สามารถเข้าเรียนโรงเรียนปกติได้ เขาอาศัยอยู่กับพี่ชายคนเดียว ชื่อว่า เคอร์รัน ซึ่งเป็นหัวหน้าทหารองครักษ์ให้กับผู้ตรวจการ เคอร์รันมักจะเข้มงวดกับน้อง ส่วนคาซีเข้าใจว่าตัวเองเป็นภาระของพี่ชายแต่ที่พี่ยอมให้อยู่ด้วยเป็นเพราะเขาเป็นคนดี ทำให้คาซีเป็นเด็กเก็บตัว ไม่สดใสร่าเริงเหมือนเด็กคนอื่นๆ เมื่ออายุได้ 11 ปี คาซีหนีพี่ชายออกเดินทางล่องแม่น้ำไปกับคนทำน้ำตาลที่ชื่อว่า ฟิลัน เดินฟิลันเป็นช่างฝีมือแห่งอาร์เดน หมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเรื่องทำแก้ว เขากำลังเดินทางไปยังสันปันน้ำมุครามินาตามความเชื่อเก่าแก่ของคนในหมู่บ้าน ระหว่างเดินทาง ฟิลันเปรียบเหมือนเป็นอาจารย์ของคาซี คอยสอนสิ่งต่างๆให้เขา
คาซีเดินทางผ่านเมืองๆหนึ่ง ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของตำนาน อมารอคเจ้าหมาป่า วีรบุรุษของคนใช้เวทย์มนต์ซึ่งสละชีวิตปกป้องเด็กคนหนึ่งไว้ในสงครามระหว่างคนธรรมดากับคนใช้เวทมนต์ ตั้งแต่นั้นมาสงครามก็สงบ โดยคนใช้เวทย์มนต์แยกตัวไปอยู่ที่นครหินผา ไกลออกไปจากที่อยู่ของคนธรรมดา เขาเข้าไปในวิหารที่ตั้งของลูกแก้วของอมารอค ที่นั่น อัยย์ ผู้ทำพิธีแห่งนครหินผากำลังทำพิธีปลดปล่อยพลังของอมารอคจากลูกแก้ว คาซีที่ผ่านเข้าไปโดยบังเอิญได้รับพลังที่อมารอคทิ้งไว้ในลูกแก้วนั้น เมื่อฟื้นขึ้นมาเขาก็พบลูกสุนัขป่าสีดำอยู่ข้างกาย มันเป็นสัตว์ภูติที่ทำสัญญากับคาซีแล้ว เขาตั้งชื่อให้มันว่า ไนคา หลังจากนั้นไม่นานคาซีก็ป่วย หัวหน้ากองคาราวานของคนต่างถิ่นที่ผ่านมาช่วยชีวิตเขาไว้ แล้วบอกว่าคาซีเป็นคนใช้เวทมนต์ เขาสอนวิธีการควบคุมพลังให้คาซี พลังของคาซีที่มีติดตัวอยู่แต่เดิมคือการสร้างมายา ส่วนพลังที่ได้รับจากอมารอคคือ หมาป่ากลืนตะวันที่สามารถทำให้พลังเวทมนต์ในตัวคนใช้เวทมนต์หายไปซึ่งมีไนคาเป็นสื่อกลาง พลังนี้เป็นพลังที่อมารอคคิดจะนำมาแก้ปัญหาความแตกแยกระหว่างคนใช้เวทมนต์และคนธรรมดา โดยทิ้งหน้าที่การตัดสินใจไว้ให้คนที่สืบทอดพลังนี้ต่อจากเขา ว่าจะเลือกหนทางแห่งการอยู่ร่วมกันของคนที่แตกต่าง หรือ เลือกที่จะทำให้ความแตกต่างนั้นหายไป คาซีได้พบกับพี่ชายอีกครั้งในเมืองแห่งหนึ่ง ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดจากมนต์มายาของผู้ใช้เวทย์มนต์ เคอร์รันทำให้คาซีรู้ว่าสิ่งที่เขาเข้าใจมาตลอดนั้นผิด เคอร์รันรักเขาเห็นเขาสำคัญเช่นกัน ถึงแม้ว่าคาซีจะเป็นคนใช้เวทย์มนต์ก็ตาม
คาซีใช้ความรู้เรื่องเวทมนต์ของเขาช่วยชาวเมืองโดยความร่วมมือของเคอร์รันที่พร้อมจะปกป้องคาซี หลังจากนั้นคาซีก็ถูกลักพาตัวไปยังนครแห่งหินผา ที่นั่นคาซีทำหน้าที่สอนวิธีควบคุมพลังให้กับผู้ใช้เวทย์มนต์ เพื่อไม่ให้พวกเขาต้องตายก่อนวัยอันควร ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า เมื่อพวกเขาใช้พลังเป็นแล้ว อาจนำมาใช้ในการสู้รบกับคนธรรมดา ทางการเองตอนนี้ก็ยกทัพมุ่งมาที่นครหินผาเพื่อปราบปรามคนใช้เวทมนต์ให้สิ้นซากเพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้นอีก แต่ก่อนที่จะเกิดการปะทะขึ้นจริงๆ บรรดาคนใช้เวทมนต์ที่ใช้พลังเป็นแล้วก็เริ่มเกิดอาการผิดปกติอันเนื่องมากจากการใช้พลังมากเกินไป ถ้าเป็นแบบนี้ย่อมไม่มีทางชนะ คาซีเสนอทางเลือกให้กับคนใช้เวทมนต์ ผู้ใดเลือกที่จะถูกล้างพลังเขาก็จะจัดการให้ แต่คนใดที่อยากอยู่ในฐานะของผู้ใช้เวทมนต์ต่อไปก็ต้องอพยพย้ายที่อยู่ลึกเข้าไปอีก คนเพียง 1 ใน 3 ที่เลือกการล้างพลัง ส่วนที่เหลือก็อพยพออกไปตามคำแนะนำของคาซี โดยมีเคอร์รัน ฟิลัน คอยช่วยเหลือ ดังนั้นเมื่อกองทหารมาถึงจึงพบแค่เพียงเมืองร้าง
เวลาผ่านไปหลายปี ณ หมู่บ้านของใหม่ของคนใช้เวทย์มนต์ คาซียังคงสอนเวทย์มนต์ให้กับคนในหมู่บ้านซึ่งอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข นอกจากนั้นเขายังออกจากหมู่บ้านเพื่อพาเด็กที่มีความสามารถทางด้านเวทมนต์ ซึ่งอาจเป็นที่รังเกียจของคนธรรมดามาอยู่ในหมู่บ้านด้วย
log
ปกนิยายเรืองนี้ออกจะน่ารัก ดึงดูด แต่อย่าคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแนวสดใส แต่พอได้อ่านกลับเป็นตรงกันข้าม เรื่องนี้เป็นนิยายแฟนตาซีที่กล่าวถึงความขัดแย้งของกลุ่มคนที่แตกต่างกันได้ดีมากๆ คนสองกลุ่มที่กล่าวถึงในเรื่อง คือ ผู้ใช้เวทมนต์ และ คนธรรมดา ซึ่งมีสาเหตุมาจากคนธรรมดาที่หวาดกลัวในพลังอำนาจของคนใช้เวทมนต์ เมื่อกลัวพวกเขาก็ขับไล่ หรือทำร้ายฝ่ายตรงข้ามก่อนที่จะมีโอกาสมาทำร้ายตัวเอง จนก่อให้เกิดความโกรธแค้นขึ้นในใจของผ่านถูกกระทำ และจบลงที่การทำสงครามฆ่ากัน อ่านแล้วแอบคิดเหมือนกันว่าผู้เขียนเอาแรงบันดาลใจมาจากสภาวะบ้านเมืองในตอนนี้หรือเปล่า ชอบโครงเรื่องของนิยายเรื่องนี้ ที่ไม่ชี้ว่าใครเป็นคนดี หรือคนเลว 100 % ทุกการกระทำของคนแต่ละฝ่ายต่างก็มีเหตุผลเบื้องหลัง ก่อนที่ตัวเอกของเรื่องจะตัดสินใจหยิบยื่นชะตากรรมแบบไหนให้กับคนใช้เวทมนต์เพื่อเป็นการแก้ปัญหา เขาจะได้เรียนรู้ความคิดของคนทั้งสองฝ่าย ผ่านตัวละครที่เป็นตัวแทนของแต่ละฝ่าย ถึงอย่างไรสุดท้ายแล้วคนเพียงคนเดียวย่อมไม่สามารถแก้ปัญหาความแตกแยกที่สั่งสมกันมาเป็นเวลานานได้อย่างเด็ดขาด แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นก้าวแรกเพื่อสิ่งที่ดีขึ้น
เรื่องนี้มีตัวละครในการเดินเรื่องมากมาย ปมของตัวละครใจจดใจจ่อติดตามที่สุดในเรื่อง คือ ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องสองคนที่เข้าใจกันและกันผิด ซึ่งก็คือ เคอร์รันกับคาซี ฝ่ายหนึงที่ต้องการเอาสมบัติของครอบครัวคืนมา เขาเข้มงวดกับตัวเองให้ทำงานหนักเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการทำงานจนเลยเถิดมาที่น้องชาย ส่วนน้องชายที่มีปมด้อย เข้าใจว่าตัวเองเป็นตัวถ่วงของพี่ พอเคอร์รันรู้สึกตัวว่าตัวเองผิดและพยายามตามหาน้อง ตอนนั้นเอาใจช่วยให้เขาหาคาซีให้เจอ และปรับความเข้าใจกัน ตอนที่ทั้งสองเจอกันท่ามกลางความวุ่นวายในเมืองที่ถูกสะกด เคอร์รันที่ขอโทษน้อง พยายามปกป้องน้อง ร้องไห้เมื่อคิดว่าน้องจะตาย เรียกความไว้วางใจของคาซีให้กลับคืนมา ฉากที่สองคนคุยกันถึงงานศพของแม่ ว่าคาซีอยากเป็นคนเข้มแข็งแบบพี่ที่ไม่ร้องไห้ ส่วนเคอร์รันที่บอกว่าเขาไม่ร้องไห้เพราะกลัวว่าคาซีจะคิดว่าพึงพาเขาไม่ได้ เล่นเอาน้ำตาซึมเลยทีเดียว ส่วนอีกฉากที่อ่านแล้วชอบก็เป็นตอนที่บรรยาถึงมัธธายน์อยากมีลูก แต่กลัวว่าลูกของตัวเองจะกลายเป็นคนขาเสีย แต่พอวินาทีที่เขาได้อุ้มลูกของตัวเองจริงๆ สิ่งที่เขากลัวมาตลอดชีวิตกลับกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย
ตัวละครที่ชอบที่สุดของเรื่อง คือ รายา สาวน้อยนักเต้นรำที่แสนสดใสร่าเริง ขำตอนที่รายาเจอเคอร์รันและพยายามแก้แค้นแทนคาซี เห็นถึงความแก่นแก้วของเธอเลย เป็นตัวละครสำคัญที่ช่วยเรียกรอยยิ้มของเรื่อง ขาดเธอไปมีหวังคนอ่านเครียดแย่เลย สุดท้ายก็ชอบการ์ตูนสี่ช่องที่เขียนแถมตรงปกหลังมากๆ เจ้าสุนัขภูตไนคา คาซี กับรายาน่ารักดี
อ่านเรื่องนี้จบตัดสินใจเป็นแฟนคลับของลวิตร์เลย จะรอเรื่องต่อไปค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น