ชื่อหนังสือ | กลางใจราษฎร์ |
เขียน | คริส เบเคอร์ เดวิด สตรีคฟัส พอพันธ์ อุยยานนท์ จูเลียน เกียริง พอล วีเดล ริชาร์ด เออห์ลิค โรเบิร์ต ฮอร์น โจ คัมมิงส์ โรเบิร์ต วู้ดโรว์ |
แปล | มนันยา จงจิต อรรถยุกติ พรรษพร ชโลธร |
จำนวนหน้า | 461 |
สำนักพิมพ์ | เอเซียบุ๊คส์ |
พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช หกทรรศวรรษแห่งการทรงงาน ประกอบด้วย
บทนำ ซึ่งเล่าถึง ประวัติศาสตร์ของพระมหากษัตริย์ไทย
ภาคที่ 1 พระราชประวัติ ซึ่งขะแบ่งเป็นช่วง ช่วงละ 10 ปี ประกอบด้วย เรื่องรักของเจ้าฟ้า ไม่ใช่เทพนิยาย, โลกที่ต่างกันเป็นอันมาก, ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง, สู่เวทีโลก, ล้นเกล้าชาวไทย, ราตรีสวัสดิ์และอรุณสวัสดิ์, ธ ธำรงไว้ซึ่งจริยธรรม และ คำถามและคำตอบ
ภาคที่ 2 พระราชกรณียกิจ แบ่งเป็นการสาธารณสุขมูลฐาน, การเรียนรู้ตลอดชีวิต, ในหลวงของทุกภาค และได้มากแม้มีน้อย
ภาคที่ 3 สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งประกอบด้วย ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์, กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ, คณะองคมนตรี, การสืบราชสันตติวงศ์ และพระราชพิธีและเครื่องราชกกุธภัณฑ์
บันทึก…คนอ่าน
เมื่อ 1 ปีที่แล้ว หลังจากเหตุการณ์ที่เศร้าที่สุดของคนไทย ในตอนนั้นเราพยายามเก็บหนังสือทุกเล่มที่เกี่ยวกับพระองค์ท่าน และเล่มนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างทำให้เราอ่านหนังสือเหล่านั้นด้วยความเร็วที่ช้าเหลือเกิน โดยหนังสือเล่มนี้เราตั้งใจจะอ่านให้จบก่อนพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในวันที่ 26 ตุลาคม 2560 แต่ก็ไม่ทัน
ในส่วนภาค 1 ที่เกี่ยวกับพระราชประวัติ เราชอบอ่านในช่วงปี 2470 ซึ่งเริ่มเล่าถึงสมเด็จพระราชบิดา สมเด็จย่าทรง จนถึงเหตุการณ์ตอนที่รัชกาลที่ 8 สวรรคต บรรยากาศเหมือนตอนอ่านเรื่อง เจ้านายน้อย ๆ ยุวกษัตริย์ รู้สึกถึงความอบอุ่นของครอบครัว ช่วงหลางจนถึงปี 2518 ก็อ่านเพลินค่ะ เพราะเล่าถึงตอนเสด็จเยือนต่างประเทศ ครอบครัว และงานอดิเรกของพระองค์ แต่หลังจากนั้นซึ่งเป็นช่วงปี2531 เล่าโดยอ้างอิงควบคู่ไปกับการเมืองตามนายกแต่ละคนที่เปลี่ยนกันเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งส่วนนี้อ่านไม่สนุกเท่าสองส่วนแรกแต่ก็เป็นเหมือนเครื่องเตือนความทรงจำ ตอนสมัยพลเอกเปรมเป็นนายกเรายังเด็กมาก จำรายละเอียดไม่ได้แต่ก็จำได้แหละว่าคนนี้เป็นนายก ตามประสาเด็กน้อยสมัยก่อนที่ต้องทนนั่งดูข่าวช่อง 7 แต่ที่จำได้แม่นจนถึงทุกวันนี้ก็ตอนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และการที่ท่านจะมีพระดำรัสตอบผู้เข้าเฝ้าถวายพระพรเนื่องในโอกาสเข้าเฝ้าถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา เรากลับจากโรงเรียนมาดูกับแม่ที่บ้านทุกปีเลยค่ะ แสตนเชียร์ตอนเราอยู่ ม.6 ก็วาดเป็นรูปพระมหาชนก งานพระราชพิธีต่าง ๆ ซึ่งเป็นความทรงจำอันสวยงาม รวมถึงรูปตอนมาร์ค เวบเบอร์ นักแข่งรถเข้าเฝ้าที่ทำให้เราเจ็บใจทุกครั้ง วันนั้นเราเดินผ่านรถ F1 ที่มาจอดให้ทรงทอดพระเนตร แต่วันนั้้นเราไม่ได้อยู่รอ
ในภาคสองที่กล่าวภึงพระราชกรณียกิจนั้น สรุปได้ครอบคลุมดีค่ะ แต่สำหรับเราซึ่งเติบโตมาในแผ่นดินของพระองค์ จะได้เปรียบเพราะเราซึมซาบภาคข่าวในพระราชสำนักที่เห็นทุกวันมาตลอด 34 ปี ยิ่งตอนเรียนปริญญารตรีเราเคยได้ไปฝึกงานในสวนจิตรฯ ยิ่งซาบซึ้ง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาก็เคยไปมาหลายที่
ส่วนที่สามที่มีความยาวถึง 130 หน้านี่แหละค่ะ ที่เราว่าเป็นส่วนสำคัญในการทำความเข้าใจกลไกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เราอ่านดูก็เห็นว่าบรรยายได้ตรงไปตรงมาดีค่ะ
สรุป เราขออนุญาตอ้างอิงข้อความส่วนหนึ่งจากคำแปลจากคำนิยมฉบับภาษาอังกฤษ ของท่านอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะที่ปรึกษาของคณะบรรณาธิการ “เมื่อผู้อ่านได้อ่านบทความในหนังสือเล่มนี้แล้วจะได้เข้าใจประเทศไทยและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดชดีขึ้น และเห็นภาพที่ชัดเจนของการทรงงานทั้งพระชนม์ชีพ เพื่อรักษาคำมั่นสัญญาที่ทรงให้ไว้กับประชาชนของพระองค์” ซึ่งในความเห็นของเรา หนังสือเล่มนี้ทำหน้าที่ได้ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี คำบรรยายจะค่อนข้างตรงไปตรงมา ความรู้สึกจะต่างจากหนังสือที่เขียนโดยผู้เคยถวายงาน ซึ่งทำให้เราเข้าใจว่าทำไมฉบับพิมพ์แรกจึงตั้งใจที่จะทำเป็นภาษาอังกฤษ ก็คงเพื่อให้ชาวต่างชาติได้เข้าใจ อีกหน่อยเด็ก ๆ รุ่นต่อไป ก็คงไม่ต่างกัน ที่ต้องศึกษาเพื่อเข้าใจ ก่อนที่จะเข้าถึงในการศึกษาจากสื่ออื่น ๆ หรือคำบอกเล่าจากคนที่เกิดทัน ว่าทำไมคนไทยถึงจงรัก และภักดีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 เหลือเกิน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น