เรื่องย่อ
ทุกอย่างย่อมมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง โดยเฉพาะที่อิเคะบุคุโระ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีเบื้องหลังที่คาดไม่ถึงเสมอ
ริคาโดะย้ายมาเรียนที่โรงเรียนไดระ เขตอิเคะบุคุโระ โตเกียวตามคำชวนของมาซาโอมิเพื่อนสนิทสมัยประถม แถบอิเคะบุคุโระมีเรื่องเล่าของเมืองถึงมอเตอไซด์สีดำที่ไม่เปิดไฟหน้าว่าเป็นภูติแห่งความตาย ฉายาไรเดอร์ไร้หัว ในเมืองนี้มีการรวมตัวกัน ซึ่งใคร ๆ เรียกว่าแก๊งสี แต่ แก๊งดอลล่า ซึ่งแตกต่างจากแก๊งสีอื่น ๆ เป็นแก๊งที่ไร้สีและโปร่งแสง มีเว็บไซด์ส่วนตัวไว้ใช้สำหรับการรับสมาชิกเพิ่ม เป็นแก๊งที่แข็งแกร่งมาก
ไรเดอร์ไร้หัว มีชื่อจริงว่า เซลตี้ สเตอร์ลูสัน ปิศาจดูลาฮาน ภูติไร้หัวในตำนานของชาวเคลติก ไอส์แลนด์ เมื่อ 20 ปีก่อนหัวของเธอหายไป ทำให้สูญเสียความทรงจำไปหลายเรื่อง เธอตามสัมผัสของหัวมาที่ญี่ปุ่น โดยระหว่างที่ตามหาหัวเธอรับงานเป็นผู้ส่งสาร เซลตี้เจอหัวของตัวเองติดอยู่กับร่างกายของเด็กผู้หญิงคนอื่น แต่พอไล่ตามอีกฝ่ายก็หนีไปจนมิคาโดะไปช่วยเธอเข้าโดยบังเอิญ เซลตี้มาเจรจาเพื่อขอพบเด็กสาวปริศนาแต่เธอก็หายไปแถมยังมีคนบุกข่มขู่ มิคาโดะคิดจนปะติดปะต่อเรื่องราวได้ มิคาโดะเรียกรวมกลุ่มแก๊งดอลล่าในฐานะผู้นำเพื่อข่มขู่อีกฝ่าย โดยให้พวกเซลตี้ร่วมมือ แต่ผลปรากฎว่านั่นไม่ใช่ศีรษะที่เซลตี้ตามหา แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เซลตี้ได้ประกาศการมีอยู่ของเธอ ณ อิเคะบุคุโระ
ปิศาจไล่ฟันคนออกอาละวาด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นดาบไซกะที่สามารถตัดวิญญาณได้ ซึ่งน่าจะเป็นเล่มเดียวกับที่พ่อของชินระใช้ขโมยหัวของเซลตี้ อันริถูกปิศาจไล่ฟันคนทำร้าย และดูเหมือนปิศาจไล่ฟันคนจะค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้น ซึ่งความจริงแล้วไซกะอยู่ในร่างของอันริ เพราะสูญเสียความสามารถในการรักมนุษย์ จึงต้องใช้ไซกะเพื่อรักมนุษย์ อันริจึงต้องจัดการค้นหาตัวแม่และทำให้เรื่องสงบลงเพื่อปกป้องชีวิตอันสงบสุขของตัวเอง
เรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้มาซาโอมิทนอยู่เฉยไม่ได้จึงต้องออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องชีวิตอันแสนธรรมดาของตัวเองโดยใช้เส้นสายในฐานะผู้ก่อตั้งแก๊งผ้าพันคอเหลือง ซากิคนรักของคิดะเป็นเด็กในปกครองของอิซายะนักค้าข่าว อดีตที่เคนมีเรื่องกับแก๊งบลูแสคว์ทำให้มาซาโอมิห่างจากกลุ่มไป จนเกิดความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม dollar กับ แก๊งผ้าพันคอเหลือง ซึ่งมิคาโดะก็พยายามแก้ไข อันริเองก็พยายามหยุดเรื่องราวที่ลุกลามถึงขั้นลุกลามเลือดตกยางออกด้วยพลังของไซกะ จนถูกสงสัยทำให้สมุนของแก๊งผ้าพันคอเหลืองล้อมจับ สมาชิก dollar ร่วมด้วยช่วยกันพาอันริหนีรอดออกมา ทำให้มิคาโดะเข้าใจอะไรบางอย่างประกาศยุบกลุ่ม dollar แต่สิ่งที่ต้องทำคือหยุดการวิวาทที่เกิดจากการปลุกระดมโดยผู้ไม่หวังดี อันริ มิคาโดะ มาซาโอมิ ตัดสินใจเผชิญหน้ากับอิซายะที่อยู่เบื้องหลัง จนเรื่องทุกอย่างจบลง อิซายะที่เป็นตัวต้นเรื่องออกจากอิเคะบุคุโระ มาซาโอมิหายตัวไปกับคนรัก มิคาโดะกับอันริใช้ชีวิตปกติต่อไป
ตัวละครสำคัญ
บันทึก…คนอ่าน
ความน่าสนใจของเรื่องนี้คือการจุดความไม่ธรรมดาในสภาพแวดล้อมที่แสนธรรมดา ตัวละครแต่ละตัวในเรื่องมีความพิเศษที่แตกต่างกันไป บางคนนี้ถึงขั้นเหนือมนุษย์ไปไกล โดยในช่วงแรกของเรื่องคนดูส่วนใหญ่จะต้องสงสัยถึงความเก่งของสิ่งมีชีวิตใต้หมวกกันนิรภัยว่าเป็นอะไรกันแน่ ไหนจะมนุษย์แรงช้างสารที่เที่ยวถอนเสาไฟฟ้าออกมาเขวี้ยง รวมถึงตัวเอก 3 คนที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่สุดแสนจะไม่ธรรมดา คนนึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งดอลล่าที่ไม่มีใครรู้ตัวตน อีกคนเป็นหัวหน้าแก๊งผ้าพันคอเหลือง ส่วนหญิงสาวคนเดียวเป็นภูตดาบ
คู่มิคาโดะกับอันริที่อยู่ท่าจะพัฒนาอย่างเชื่องช้าแต่ก็น่ารักดี มิคาโดะเหมือนจะดูหงอ ๆ แต่ก็ดูชัดเจน และเอาใจใส่อันริดี แต่ฝั่งสาวน้อยไซกะที่รักใครไม่เป็นจะตอบรับความรู้สึกของมิคาโดะยังไง ตอนที่ 26 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของ season1 ที่สะท้อนชีวิตปกติสุขของเหล่าผู้อาศัย ที่ทั้งสองคนไปดูหนังด้วยกันแต่ดันไปปะกับรายการโทรทัศน์ ตอนที่พูดเหมือนสารภาพรักออกทีวีน่ารักดี
นอกจากคู่ของริคาโดะกับอันริแล้ว ยังมีคู่ของหมอชินระหมอเถื่อนกับเซลตี้สาวไร้หัว ถึงมันจะเริ่มแบบโหดไปหน่อยกับการผ่าร่างกายอีกฝ่ายเพื่อการศึกษา ก็มุ่งมั่นรักเดียวใจเดียวมา 20 ปี แล้วก็เหมือนจะลุ้นขึ้น ตอนที่น่ารัก ๆ ก็ตอนที่ 8 ซึ่งว่าด้วยวัยหยุดที่เซลตี้ทำอาหารให้กิน ปิศาจไร้หัวแว้นมอไซด์ออกไปซื้อต้นหอม ส่วนชินระก็ดีใจกับอาหารที่ทำให้จนน้ำตาไหล
อีกอย่างที่เป็นเหมือนเอกลักษณ์ของเรื่องนี้ นั่นก็คือห้องแชทของเรื่องที่บรรดาตัวเอกที่ไม่รู้ตัวจริงของกันและกันในตอนแรกมาแสดงความคิดเห็นโน่นนี่ อ่านบทสนธนาพวกนี้บางตอนก็ขำดี อย่างเซลตี้ที่เป็นปิศาจแต่ก็ยังกลัวUFO กับตำรวจจราจร
แต่ในซอกมุมที่นอกเหนือจากความสุดโต่ง ก็มีปรัชญาแฝงอยู่เหมือนกัน ตามสไตล์ญี่ปุ่น อย่างตอนที่ 2 เรื่องของหญิงสาวที่ต้องการตาย เพราะความลับของคนในครอบครัว แต่ท่ามกลางความลับและความปรารถนามากมายของคนจะพบว่า “โลกใบนี้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดเสมอไป”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น