การแสดงหุ่นละครเล็ก โจ หลุยส์ ตอน ครุฑานุภาพ

 

เรื่องราว….

 

    นางวินตาและนางกัทรู เป็นพี่น้องที่มีพระสวามีคนเดียวกันคือเพราะกัศยป ทั้งสองได้ให้กำเนินบุตรที่มีเผ่าพันธุ์แตกต่างกัน นางวินตาผู้พี่ให้กำเนินเป็นไข่ 2 ฟอง นางกัทรูผู้น้องให้กำเนิดเป็นไข่ถึง 1,000 ฟอง และบรรดาลูก ๆ ของนางกัทรูได้ฟักออกจากไข่เป็นบรรดาเหล่านาคทั้งหลายโดยที่นางวินจาได้แต่เฝ้ารอการถือกำเนิดของลูก จนนางทนรอไม่ไหวจึงทุบไข่แตกเสีย 1 ฟอง ในใข่ใบนั้นปรากฎเป็นพระอรุณผู้มีร่างกายเพียงครึ่งเพราะยังไม่ถึงเวลาถือกำเนิด

    พระอรุณโกรธแม่มากจึงสาปว่านางจะต้องตกเป็นทาสนางกัทรูถึง 500 ปี แต่เมื่อสำนึกได้ว่าเป็นมารดา จึงกล่าวว่า เมื่อบุตรอีกผู้หนึ่งของนางนั้นถือกำเนิดขึ้นจะช่วยให้แม่พ้นจากความเป็นทาสได้ ครั้นกล่าวจบจึงเหาะขึ้นไปเป็นสารถีขับรถให้กับพระอาทิคย์ นางวินตาจังเห็นม้าที่ทรงรถพระอาทิตย์ และด้วยฤทธิ์แห่งสาปขิงพระอรุณ นางวินตาจึงออกอุบายทายปัญหากับนางกัทรู เรื่องของสีหางม้าทรงรถพระอาทิตย์ ใครทายผิดต้องตกเป็นทาส 500 ปี นางสินตาทายก่อนโดยบอกว่าเป็นสีแดง นางกัทรูทายว่าสีดำแล้วนัดกันไว้ว่า จะมาดูตอนเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ครั้งก่อนสว่างนางกัทรูได้ใช้ให้ลูกนาคทั้งหลายสำแดงฤทธิ์ไปพ่นพิษใส่ขนของหางม้าจนกลายเป็นสีดำ นางวินตาจึงตกเป็นทาสนางกัทรูนับแต่นั้น

    ณ เกษียรสมุทร เมื่อทวนเทพและเหล่าอสูรได้ร่วมแรงร่วมใจทำพิธีกวนน้ำอมฤต ครานั้นพระนารายณ์ได้ให้พระอินทร์เป็นผู้เก็บรักษาน้ำอมฤตไว้บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ กาลต่อมาครั้นเมื่อพญาครุฑได้ถือกำเนิดขึ้นและเห็นแม่ต้องมาเป็นทาสเหล่านาค จึงต้องการจะช่วยมารดา นางกัทรูจึงให้พญาครุฑไปนำน้ำอมฤตมาให้ตน แล้วนางวินตาจะพ้นจากความเป็นทาส พญาครุฑจึงสำแดงฤทธิ์เหาะขึ้นสรวงสวรรค์ฝ่าด่านเข้าไปถึงที่เก็ยรักษาน้ำอมฤต พระอินทร์ผู้ทรงช้างเอราวัณได้ใช้วัชระสร้างสายฟ้าฟาดไปที่พญาครุฑ พญาครุฑจึงสำแดงเดชสร้างมหาวายุพัดพระอินทร์และช้างเอราวัณหายไป

       พระนารายณ์ได้เสด็จมาต่อสู้กับพญาครุฑ ไม่มีใครแพ้ชนะ ทั้ง 2 จึงทำพันธะสัญญาต่อกัน หากพระนารายณ์เสด็จไปที่ใด พญาครุฑจะเป็นที่ประทับให้ แต่หากพระนารายณ์ประทับอยู่ที่ใดพญาครุฑจะอยู่สูงกว่า พระนารายณ์ทรงเมตตาด้วยพญาครุฑนี้มีความกตัญญูต่อมารดา จึงมอบน้ำอมฤตให้ไป เฝ้าดูเหตุการณ์และคอยระวังไม่ให้เหล่านาคได้น้ำอมฤตไป

     พญาครุฑนำน้ำอมฤตมาไถ่ตัวมารดาได้สำเร็จ ในขณะที่เหล่านาคจะเข้าถึงน้ำอมฤต พระอินทร์รีบฉวยเอาน้ำอมฤตกลับคืนไปยังสรวงสวรรค์ดังเดิม เหล่า นาค โกรธแค้นต่างพากันเข้าทำร้ายพญาครุฑ พญาครุฑจึงจับเหล่านาคสังหารล้มตายไปเป็นอันมาก จนกระทั่ง พระนารายณ์เสด็จมายุติศึกสงครามระหว่างพี่น้อง ให้ได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสืบไป…

 

บันทึก…คนดู

 

     อยากดูหุ่นละครเล็กมานานแล้วค่ะ ตั้งแต่สมัยที่เค้าได้รางวัลชนะเลิศหุ่นโลกใหม่ ๆ แต่ก็ไม่ได้ไปดูที่โรงละครโจ หลุยส์ที่สวนลุมสักที จนปิดย้ายวิกมาที่ asiatique the river front ก็ยังไม่ได้ฤกษ์ จนเขาจัดงานใหญ่ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาตอเลยรีบจองบัตรแต่เนิ่น ๆ กลัวหมดเร็วเหมือนตอนโขนพระราชทาน ได้ราคาลด 10 % มาเป็นรางวัลความกระตือรือร้น ก็ฟินกันไป

   

     มาถึงสถานที่แสดงเร็ว ก็ได้กำไรด้วยการมีโอกาสเดินดูนิทรรศการเล็ก ๆ เกี่ยวกับหุ่นละครเล็ก มีการนำหุ่นขี้ผึ้งของอาจารย์โจ หลุยส์ขนาดเท่าคนจริง มาจัดแสดง รวมถึงชิ้นส่วนองค์ประกอบต่าง ๆ ของเจ้าหุ่นละครเล็ก และตัวอย่างหุ่นที่นำมาจัดแสดงให้ดู อันที่ hot สุด น่าถ่ายรูปด้วยสุด เพราะเหมือนตัวเองที่สุดคงเป็นหุ่นนางผัเสื้อสมุทร ได้แต่จด ๆ จ้อง ๆ อย่างไปถ่ายด้วยอ่ะ สุดท้ายก็ไม่กล้า จบที่ถ่ายแต่รูปมาเป็นที่ระลึกไป

 

    ในส่วนของการแสดงฉากสวยดีค่ะ ความอลังการก็ประมาณน้อง ๆ โขนพระราชทาน พวกโฮโลแกรมสวยดี ดูมะลังมะเลือง แอบมีขำตรงฉากเมืองนาคตอนแรก ๆ นาคน้อยตามโขดหินดูน่าเอ็นดู แต่เวลารังแกชาวบ้านนี่ร้ายกาจผิดภาพลักษณ์ แต่การดำเนินเรื่องแอบน่าเบื่อพระจะมีการเว้นช่วงให้หุ่นร่ายหันไป หันมา ช่วงที่ชอบก็ตอนที่พญาครุฑเอาน้ำอมฤตมาไถ่ตัวแม่ แต่พอกำลังจะถึงมือนาคพระอินทร์เรียกกลับไปเฉย ตรงนี้แอบสะใจ…