เครดิตมรณะ

เครดิตมรณะ
ชื่อเรื่องภาษาญี่ปุ่น KASHA
เขียน มิยาเบะ  มิยูกิ
แปล ฤทัยวรรณ  เกษสกุล
ความยาว 604
สำนักพิมพ์ เนชั่นบุ๊คส์
plot
     ญาติฝ่ายภรรยาข้อร้องให้ฮมมะช่วยสืบหา เสะคิเนะ  โชโกะ คู่หมั้นที่จู่ๆ ก็หายตัวไปหลังจากที่ยื่นทำบัตรเครดิตแล้วพบว่าเธอมีประวัติแบล็กลิสต์ของศูนย์ข้อมูบเครดิต แถมยังถูกพิพากษาว่าเป็นบุคคลล้มละลาย ด้วยความที่คนที่ตามหาไร้ญาติขาดมิตรฮมมะจึงต้องไล่ตามสืบจากที่ทำงานปัจจุบัน แต่พอล้วงไปถึงที่ทำงานเก่ากลับพบว่าข้อมูลที่กรอกไว้เป็นเท็จ แถมพอสืบไปถึงสำนักงานกฎหมายที่ทำเรื่องล้มละลายเรื่องก็ยิ่งอลวนเมื่อได้รับการยืนยันว่ารูปร่างหน้าตาของทั้งสองไม่เหมือนกัน
     ฮมมะ พยายามไล่ตามตัวจริงของโชโกะ เริ่มจากเบาะแสในห้องพักปัจจุบัน ห้องพักเก่า ร้านที่เคยทำงาน เพื่อหาตัวจริงของหญิงสาว และวิธีการที่เธอนำตัวเองเข้ามาแทนที่เสะคิเนะ โชโกะ ตัวจริงที่คงถูกฆาตกรรมไปแล้ว โดยเบาะแสสำคัญคือภาพถ่ายปริศนาของบ้านที่อยู่ข้างสนามเบสบอลที่เสาไฟหันออก ทะมทสึเพื่อนสมัยเด็กของโชโกะ ที่ฮมมะไปพบที่้บ้านเกิดขอเข้าร่วมการสืบสวนด้วย
    ในที่สุดรูปถ่ายปริศนาก็ทำให้ฮมมะรู้ว่าทำไมคนร้ายถึงเลือกโชโกะ ข้อมูลเหล่านั้นมีแหล่งที่มาจากแบบสอบถามที่่ดูเหมือนไม่ได้สลักสำคัญของบริษัทขายของทางโทรศัพท์ จากใบประวัติ ชื่อที่แท้จริงของเธอ คือ ชินโจ เคียวโกะ สืบทราบจากอดีตสามีว่า เธอต้องบ้านแตกสาแหรกขาดเพราะหนี้สินซึ่งก็เป็นสาเหตุให้ทั้ง 2 คนเลิกรากันด้วย ในที่สุดฮมมะกก็รู้ว่า เคียวโกะ ได้ข้อมูลของเหยื่อมาได้ยังไง พวกเขาไล่หาคนที่น่าจะเป็นเป้าหมายคนถัดไปของเธอจนพบ ในที่สุดพวกเขาก็ไล่ทันตัวจริงเธอจนได้ 
charecter
ฮมมะ  ชุนสึเกะ :
      ตำรวจแผนกสืบสวน อยู่ระหว่างลาพักรักษาตัวหลังได้รับบาดเจ็บ ใช้ชีวิตอยู่กับลูกชาย 2 คน จิสึโกะภรรยาของเสียชีวิตไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
ซาโตรุ :
      ลูกชายของฮมมะ
อิสะกะ  ซึเนโอะ :
     เป็นพ่อบ้านของบ้านฮมมะ อาศัยอยู่กับภรรยาที่เป็นเจ้าของบริษัทตกแต่งภายในในตึกเดียวกับฮมมะ เคยเป็นสถาปนิกที่เชี่ยวชาญเรื่องการตกแต่งภายใน แต่ถูกประธานรุ่นที่ 2 ฟ้องร้องให้เป็นแพะรับบาปในกรณีที่บริษัทล้มละลาย ทั้งที่ศาลตัดสินให้เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ก็ยังถูกจองเวรจนไม่เป็นอันทำงาน ตอนแรกตั้งใจจะลาพักจนกว่าเรื่องจะเงียบ แต่ก็ค้นพบว่าตนเองเหมาะกับงานบ้าน เลยยึดอาชีพพ่อบ้านรับจ้าง
log
       จะว่าไปเรื่องนี้ออกแนวสืบสวนแบบเบาๆ เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยชอบฉากสยองขวัญ แต่ในขณะเดียวกันก็กล่าวถึงประเด็นที่น่าสนใจของการใช้บัตรเครดิตจนกลายเป็นการสร้างหนี้สิน รวมถึงข้อมูลส่วนตัวที่เรากรอกแบบไม่คิดอะไรให้กับบริษัทห้างร้านต่างๆ ซึ่งบางทีนอกจากความรำคาญจากบรรดาโทรศัพท์ขายประกันแล้วยังอาจเป็นมูลเหตุให้เกิดอาชญากรรมที่ถึงแก่ชีวิตได้
      การสืบสวนในเรื่องจะเน้นไปที่การตาหาผู้หญิงที่ชื่อ เสะคิเนะ โชโกะ โดยการค่อยๆ ทำความรู้จัดตัวตนของเธอผ่านสิ่งของ ผู้คนรอบตัว จนได้ภาพที่ชัดเจน แต่ในขณะเดียวกันก็มีช่วงเวลาให้คนอ่านได้ทำความรู้จักตัวละครอื่นๆ ที่มาสร้างความอบอุ่นให้เนื้อเรื่องไม่ว่าจะเป็น อิสะกะ พ่อบ้าน อิคาริ เพื่อนที่ร่าเริงของฮมมะ ที่เป็นเพื่อนของภรรยามาตั้งแต่เด็กๆ แถมเป็นพ่อสื่อให้สองสามีภรรยา ไม่ว่าจะเป็นบ้านของฮมมะ ที่เล่าว่าซาโตรุลูกชายเป็นลูกบุญธรรม ที่ตอนนี้เจ้าตัวยังไม่รู้ความจริง เรื่องราวเบื้องหลังของครอบครัวอิสะกะ กับภรรยาแสนเก่ง เจ้าโบเขะสุนัขที่ซาโตรุกับเพื่อนเก็บมาเลี้ยง ที่มีประเด็นดราม่าเมื่อเพื่อนที่โรงเรียนซึ่งอยู่บ้านเดี่ยวฆ่ามันตาย ด้วยเหตุผลว่าแฟลตไม่อนุญาตให้เลี้ยงหมา อย่าสะเออะ ต้องเชือดไก่ให้ลิงดู ถึงสาเหตุจะเกิดจากการที่ผู้ใหญ่ไม่ให้เลี้ยงหมา แต่ทำรุงแรงขนาดนี้ ถ้าเป็นลูกเป็นหลานตัวเองก็ไม่รู้จะจัดการยังไงให้ตรรกะป่วงๆ มันหลุดออกไปจากตัวเด็ก พูดอีกอย่างก็คือ มีเวลาให้ชมนกชมไม้ มากกว่ามุ่งสืบคดีเอาเป็นเอาตายอย่างเดียว จะว่าไปเรื่องนี้อาจจะเน้นไปทางวิถีการดำเนินชีวิตมากกว่าการสืบสวนด้วยซ้ำ 
     นอกจากนี้ยังกล่าวถึงการขยายตัวของบัตรเครดิต การเติบโตที่เร็วยิ่งกว่า GNP ของญี่ปุ่น คุณและโทษของบัตรเครดิต มูลเหตุที่ทำให้พนักงานบริษัทธรรมดาสามารถสร้างหนี้ได้ถึง 33 ล้านเยน จากบัตรเครดิต 33 ใบ ความแตกต่างระหว่างสินเชื่อเพื่อการจำหน่าย กับ ไฟแนนซ์เพื่อผู้บริโภค การหมุนเงินเพื่อนำมาชำระหนี้แบบผิดวิธี วิธีทำนาบนหลังคนสารพัดรูปแบบ คนดีที่มีความรับผิดชอบจึงกลายเป็นเหยื่อ  อ่านเรื่องนี้แล้วเห็นด้วยกับคนเขียนว่าความรู้เท่าทัน และ สติ ในเรื่องของการบริหารการเงินส่วนบุคคลในยุคนี้ สำคัญมากกกกกก แนวความคิดที่สำคัญอีกอย่างที่น่าสนใจ คือ การล้มละลายเพราะข้อมูลข่าวสาร ที่เข้ามาแทนที่ในปัจจุบัน การวิ่งตามข้อมูลข่าวสารที่ทำให้เกิดการฟุ้งเฟ้อ อย่างที่เอามาล้อกันบ่อยๆ อย่างรูปใน instragram ที่ถ่ายให้เห็นเฉพาะในส่วนที่ดูดี แต่ข้างๆ ห่างไปไม่ถึงเมตรเป็นขยะยังไงไม่สน เพราะคนเราดูแต่รูปที่ถ่ายมาเท่านั้นเอง

ความคิดเห็น