เรื่องย่อ
อะสะกิได้รับมอบหมายให้ช่วยงานอัยการที่ย้ายมาใหม่ ซึ่งก็คืออัยการคุริวที่เคยประจำอยู่ที่สาขาโจเซมาก่อน อะสะกิต้องเหนื่อยเป็น 2 เท่าเพราะต้องตามคุริวลงพื้นที่ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่อัยการปกติเขาทำกัน แต่ในขณะเดียวกันอะสะกิก็นับถือการทำงานของคุริว ถึงแม้จะต่อล้อต่อเถียงกันตลอดแต่ก็ถือว่าบรรยากาศการทำงานของทั้งคู่อยู่ในขั้นใกล้เคียงกับคำว่าสงบสุข
ตัวละครสำคัญ
Episode : 10
Special Thank : Thai subtitle จาก Jdramath@livejournal
บันทึก…คนดู
กลับมาตอนแรกหลังจากห่างหายไปสิบกว่าปี (อัยการคุริวแก่ไปเยอะ) ก็ตื่นเต้นเลยด้วยคดีทำร้ายร่างกายที่เหมือนเป็นคดีเล็กๆ แต่ลายนิ้วมือดันไปตรงกับคดีโจรกรรมเพชรคดีใหญ่ที่ยังตามตาตัวคนร้ายเมื่อ 15 ปีก่อน แถมคดียังใกล้จะหมดอายุความในอีก 3 วัน คนร้ายเกิดแตกคอกัน แต่ก็ยังหาหลักฐานหนักแน่นขนาดที่จะส่งฟ้องไม่ได้สักที กว่าจะได้ความก็เหลือเวลาอีกแค่ 5 นาทีจะหมดอายุความ เลยมีฉากวิ่งแข่งเพื่อส่งฟ้องให้ทัน แต่นี่ไม่เท่าไหร่ ไอ้ที่ฮากว่าคนคนประทับรับฟ้อง นี่พี่แกต้องทำโอทีถึงเที่ยงคืนทุกวันเลยเหรอเนี่ย น่าสงสาร…
อีกอย่างที่เป็นมุกอมตะนิรันทร์กาลของเรื่องนี้คือ master ร้านนั่งดริ๊งขาประจำของสำนักงาน ที่ไม่ว่าจะสั่งอะไรที่ไม่น่ามีในร้านพวกนี้ก็ดันมี เหมือนทำนายอนาคตล่วงหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็นข้าวหน้าหมูทอด ชอบสีหน้าสะใจเบาๆ ของมาสเตอร์เวลาที่หาของมาเสิร์ฟได้ชะมัด รวมถึงสีหน้าตบมุข “มีสิ” ของคุริวด้วย
อีกคนที่น่ารักมาก เป็นเสน่ห์อีกอย่างของเรื่องยกตำแหน่งให้หัวหน้าคาวาจิริที่น่ารักของสาขาโจเซย์ เวลาลูกน้องทำคดีก็อยู่เป็นเพื่อนสั่งข้าวมาให้กิน แถมรับหน้าให้ตลอดๆ จนบางทีฟิวส์ขาดตวาดฝ่ายตรงข้าม แล้วกลับมาเสียใจภายใน 3 วินาทีก็เถอะ ใครดูเรื่องนี้แล้วกลายเป็นแฟนคลับตาลุงเข้าน๊า เวลามีอะไรเครียดๆ ลับๆ ก็จะไปปรึกษากันในห้องของหัวหน้า มีเลี้ยงของกินกันด้วย
favorite scene
ตอนที่ 5 หัวหน้าคาวาจิริ อธิบายงานของอัยการ โดยหวังว่าจะส่งถึง หนูน้อยที่เป็นพยานในคดีวิ่งราวว่าเธอเป็นส่วนสำคัญในการไขความจริง หัวหน้าพูดได้ซึ้งมากจนบรรดาอัยการคนอื่นๆ ที่นั่งฟังจากในห้องทำงานซึ้งไปกับคำพูดหัวหน้า บ่นเสียดายไม่อยากให้ลาออก เราดูไปก็เช็ดน้ำตาป้อยๆ ซึ้งมาก ขอตั้งตนเป็นแฟนคลับหัวหน้าอย่างจริงจังตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ถือเป็นตอนที่สะท้อนภาพของอัยการ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนรัฐได้อย่างน่าประทับใจ
Quote
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น