ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เสียมราฐ วันที่ 2

DSCF8737 DSCF0221 DSCF8763

     วันรุ่งขึ้น พวกเราตื่นกันตั้งแต่ตีสี่ เพื่อออกเดินทากันตอนตี 5 เพื่อให้ถึงนครวัตก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เราเดินตามบันไดนาคเพื่อผ่านโคปุระชั้นนอกเข้าสู่บริเวณปราสาทด้านใน แล้วก็ต้องถอนใจเบาๆ กับกองทัพนักท่องเที่ยวที่ปักหลักรอถ่ายภาพแสงอาทิตย์แรกของวันอยู่บริเวณริมสระน้ำ เรามาที่หลังคงไม่วายมีกองทัพมือเข้ามาอยู่ในรูปด้วยเป็นแน่ ภาพที่ออกมาก็ประมาณรูปซ้ายสุดนั่นแหละค่ะ รออยู่จน 6 โมงครึ่ง ก็ยังไม่เห็นประอาทิตย์แบบจะๆ สักที ชาวคณะเลยปลีตัวออกจากวงล้อมมายืนชมภาพนูนต่ำ ที่น่าจะใช้สีฝนมาจากบรรดาลวดลายที่ปรากฎอยู่บนปราสาทหิน ราคาเปิดตัวอยู่ที่เลขสองหลักมีหน่วยเป็นดอลล่าห์ แต่พอเราถามแล้วไม่ซื้อ เดินชมนกชมไม้ไปเรื่อยราคาก็ค่อยๆตกลงมาเหลือไม่ถึง $5 แต่ ณ ตอนนั้นความอยากได้มันหมดไปแล้ว เสียใจด้วยนะพ่อค้า เนื่องจากเรามีเวลาน้อย เพราะเดี๋ยวต้องไปนครธมก่อนที่แดดจะร้อน เลยตัดสินใจออกเมาเดินชื่นชมปราสาทเพิ่มเติมสักหน่อย แต่ก็ยังไม่ได้เข้าไปในตัวปราสาทหลักอยู่ดี หันไปเห็นพระอาทิตย์เยี่ยมหน้าออกมาจากหมู่เมฆ เลยได้วิ่งโร่กลับไปเก็บภาพบริเวณริมยารายที่เดิมกับตอนแรก ดีที่พอมีคนถอนตัวไปบ้างเลยได้รูปแบบไม่มีคนบ้าง

DSCF8766 DSCF0292 WP_20131208_004

    ช่วงที่เรามานับว่าเป็นจังหวะที่ดีมาก เพราะช่วงเช้ากับช่วงค่ำอากาศจะเย็น สังเกตได้จากหมอกที่ระเรี่ยอยู่บนผิวน้ำในบาราย จุดหมายถัดไปของเราเป็นที่ๆ คุณพี่คนขับตุ๊กๆเขมรจัดให้ นั่นก็คือร้านอาหารเช้าในบริเวณเขตอุทยานประวัติศาสตร์นั่นเอง เรื่องราคาไม่ต้องพูดถึง แพงโหด อาหารธรรมดาจานละประมาณ $4 มือนี้อาหารที่กินภาษาเขมรเรียกว่า ลกลัก (ไม่แน่ใจว่าเขียนแบบนี้หรือเปล่า) เพื่อนกับพี่สั่งมาคนละจาน ส่วนเราสั่งหมูทอด ผลปรากฏว่าสิ่งที่เอามาเสิร์ฟหน้าตาเหมือนกัน ต่างกันที่ของเราไม่มีไข่ดาวเท่านั้นเอง ที่นี่เวลาเสิร์ฟเค้าจะเอาช้อนแช่น้ำมาในแก้วค่ะ ช้อนเป็นลายปราสาทหินน่ารักมาก เห็นแล้วหมายมั่นปั้นมือว่าอยากจะซื้อกลับไปใช้เลยทีเดียว

 DSCF0315 DSCF8811 DSCF8813 

DSCF8819 12 นครธม_11 12 นครธม_16

     กินข้าวเสร็จสายเกือบ 9 โมง ช่วงฤดูอาการเย็น จุดไหนที่ต้นไม่เยอะๆหมอกยังไม่จางเลยค่ะ จุดหมายถัดไปของเรา ถือเป็นภาพจำของอุทยานประวัติศาสตร์แห่งนี้เลยทีเดียว ซึ่งก็คือ นครธม นั่นเอง ก้าวเท้าเข้าไปในบริเวณของนครธม เมืองที่ถือว่าเป็นนครหลวงแห่งพุทธศาสนาอย่างแท้จริงในเสียมราฐก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับใบหน้าอันแสนเมตตาของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรที่สลักอยู่ที่ยอดพระปรางค์ทุกองค์ของปราสาท เทียบกับนครวัดแล้วถึงนครธมจะสร้างทีหลังแต่เหมือนสภาพโดยรวมจะทรุกโทรมกว่า ขนาดก็เล็กกว่า แต่เรากลับชอบมากกว่า อาจเป็นเพราะความรู้สึกถึงรอยยิ้มที่เป็นมิตร โดยเฉพาะนางอัปสรบนพนังที่เราเดินผ่าน นางอยู่ในเวิ้งที่เราต้องมองลอดช่องหน้าต่างเข้าไป หันเจอะกันพอดี อดไม่ได้ขอถ่ายภาพมาเป็นที่ระลึกสักหน่อย ที่นี่เราได้มีโอกาสไหว้พระด้วย ตามสถานที่ท่องเที่ยวที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ จะมีคุณยายจุดธูปให้เราไหว้พระ โดยนักท่องเที่ยวก็บริจาคไปเล็กน้อย ที่นี่เราผูกสายสิญจ์กลับมาด้วย เป็นสีชมพูแปร๊ด และยังอยู่ติดข้อมือเราอีกเป็นปี

DSCF8823 DSCF8827 14 ลานช้าง_01

    เพราะนัดกับพี่คนขับรถไว้ 10 โมงกว่าบวกกับเพื่อนสาวเธอดันกลัวการเดินบนสะพานนาคเลยไม่ได้เข้าไปดูปราสาทบาบวน แค่ถ่ายรูปตรงบันไดนาคเท่านั้น ปิดท้ายการท่องเที่ยวจุดนี้ที่ลานช้าง เห็นรูปแกะสลักบนลานช้างแล้วก็อดไม่ได้ ขอชักภาพข้างๆสัตว์ประจำชาติของไทยในแดนเขมรสักหน่อย

15 ปราสาทพระพิธู_01 15 ปราสาทพระพิธู_03 16_01

     สองปราสาทถัดไปต้องขอสารภาพว่า ไม่มั่นใจเรื่องชื่อปราสาท ความทรงจำอันเลือนลาง รู้สึกว่าไกด์ ออกเสียงว่าปราสาทตะเกว แต่พอมาเปิดหนังสือเทียบแล้วไม่มั่น ขอละไว้เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดจะดีกว่า แววแก้มือลอยมาแต่ไกล คราวนี้สัญญาว่าจะมาแก้มือแบบข้อมูลแน่นๆ สำหรับปราสาทนี้ก็มี หน่วยบริการธูปสำหรับไว้พระเช่นกัน ป้าแกจุดไว้เสร็จแต่ไม่มีใครขึ้นไป เพราะเงินปลีกขาดแคลน ปราสาทนี้เป็นปราสาทที่เห็นความแตกต่างระหว่างของเก่ากับร่องรอยการบูรณะค่อนข้างชัดเจน ถือว่าเป็นปราสาทขนาดเล็ก ส่วนอีกปราสาทเริ่มพร้อมใจกันขี้เกียจบวกกับเมาปราสาทหินเลยไม่ได้เดินเข้าไปแค่ถ่ายรูปไกลๆ

16_03 17 บันทายสรี_03 17 บันทายสรี_01

 17 บันทายสรี_14 17 บันทายสรี_23 18 อาหารกลางวัน

     สถานที่ถัดไปเป็นแผนที่เพิ่มเข้ามา เนื่องจากพวกเรารักษาเวลาได้ดี เลยมีการเจรจาเพิ่มเติมกับคนขับรถให้ช่วยพาไปที่ปราสาทบันทายสรี (Lady temple) เนื่องจากระยะทางค่อนข้างไกล เราเลยต้องเสียค่าน้ำมันเพิ่มให้ไป ตอนแรกพี่แกเสนอมาที่คนละ 5$ แต่สามสาวขอฟันราคาที่ 10$ ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมแบบง่ายไปหน่อย จนคนต่อชักอยาก่อเพิ่ม ตอนที่แวะเติมปั้มหลอด ดูแล้วก็มาน่าใช้เงินถึง 10$ หลังจากนั่งรถมาประมาณครึ่งชั่วโมง มองดูบ้านเรือนที่เหมือนจะย้อนยุคกลับไปหลายสิบปีเมื่อเทียบกับประเทศไทย นอกเมืองแถวนั้นคงมีไฟฟ้าใช้แค่บางบ้าน เสาไฟริมถนนนี่ไม่ต้องพูดถึง เราก็เดินทางมาถึงปราสาทบันทายสรี สำหรับปราสาทนี้ต้องออกแรงเดินเข้าไปอีกค่ะ เป็นปราสาทขนาดเล็กที่คนเยอะเหมือนกัน เนื่องจากเป็นปราสาทหินที่ได้ชื่อว่าฝีมือการเกาะสลักทับหลังสวยที่สุด ประหนึ่งภาพสามมิติที่เดียว แต่ก่อนเข้าไปต้องขอชักภาพกับหลักยูเนสโก้หลักฐานมรดกโลกสักหน่อย แค่ประตูก็ฟินแล้วค่ะ สายมากลายเล็กละเอียดเหมือนลายบนผืนผ้าของหญิงสาวเดินเข้าไปไม่ผิดหวังค่ะ ฝีมือการเกาะสลักละเอียดดีจริงๆ มุมไหนๆก็น่าถ่ายรูปไปซะหมด ปราสาทเล็กๆแต่เราใช้เวลาดูกันนานพอดู เป็นปราสาทเดียวที่นัดแก้มือสามารถตัดออกจาก list ได้ค่ะ ที่นี่มีของที่ระลึกขายนิดหน่อย แต่เราแค่เดินดูไม่ได้ซื้อค่ะ หลังจาดนั้นก็พามาทานอาหารกลางวันกัน เมื่อเทียวกับเมืองเช้าแล้ว อาหารมื้อนี้ราคาพอๆกันแต่อยู่ในบรยากาศที่ดีกว่า ยกเว้นน้ำมะพร้าวปั่นของเพื่อนที่เป็นประหนึ่งไอสครีมกะทิใส่น้ำแข็ง ส่วนอาหารอื่นเช่นแกงกับผัดมีส่วนคล้ายของไทย แต่ต่างกันตรงที่มันใส่กะทิทุกอย่างเลยต่างกันที่ความเข้มข้นเท่านั้น

19 ปราสาทตาพรม_10 19 ปราสาทตาพรม_06 19 ปราสาทตาพรม_08

     จุดหมายถัดไปคือปราสาทตาพรมค่ะ สำหรับที่นี่โด่งดังเนื่องจากเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง tomb rider ภาค 1 ถ้าจำไม่ผิดเป็นฉากทางเข้าเพื่อไปเอาสมบัติในตอนท้ายๆ โดยรากไม้จะแยกออกให้นางเอกเข้าไป ที่จริงที่นี่มีปราสาทประกอบอื่นๆอีก ซึ่งแต่ละจุดก็มีต้นไม้งอกทับเหมือนกัน ตอนที่ไปนอกจากจุด higthlight แล้วจุดอื่นซ่อมแวมอยู่ค่ะ ประมาณว่าถอดหินออกมาเป็นก้อนๆแล้วกองไว้เพื่อรอประกอบใหม่ เลยมีเหล็กค้ำยันอยู่เป็นจุดๆ เลยไม่ค่อยได้เดินไปไหนมาไหนเท่าไหร่

20 นครวัด_03 20 นครวัด_13 20 นครวัด_15

     ระหว่างนั่งรถย้อนกลับมานครวัดซึ่งเป็นรอบที่ 3 ของทริปนี้ เราคุยให้พี่คนขับรถฟังว่า เข้าไป 2 รอบจากด้านหน้าแต่เดินไปไม่ถึงไหนสักที คราวนี้พี่แกก็เลยพาเข้าจากด้านหลังเสียเลย โดยพี่ท่านจะไปรอรับที่ด้านหน้าค่ะ อันนี้ทำโดยไม่ปรึกษานะคะขอบอก ฮากันเบาๆแต่ก็ไม่มีใครโต้แย้งว่าแล้วก็ลงเดินเท้ามุ่งหน้าสู่ประตูหลังของนครวัด ซึ่งก็พอมีเพื่อนร่วมทางอยู่บ้าง แต่เทียบกับด้านหน้าไม่ติด ระหว่างทางก็มรปราสาทหินให้เห็นค่ะ แต่เวลาเราเหลือน้อยแล้ว ขอมุ่งไปที่ปราสาทก่อนเลยละกัน

20 นครวัด_07 20 นครวัด_19 20 นครวัด_20

      เดินกันมาพักนึงพอเหนื่อยนิดๆก็ถึงค่ะ ฝั่งนี้เหมือนตัวโคปุระจะไม่ค่อยเหลือแล้ว เข้าไปก็เจอระเบียงคตซึ่งเต็มไปด้วยลวดลายเกาะสลักเต็มไปหมด และที่ขาดไม่ได้ไปไหนก็เห็นประหนึ่งเป็นเทวตำนานอันดับหนึ่งของประเทศ คือ ภาพตอนกวนเกษียรสมุทรค่ะ

20 นครวัด_22 20 นครวัด_24 20 นครวัด_25

    หลังจากนั้นก็มีมหกรรมปีนบันไดขึ้นจากระเบียงคตแต่ละชั้นเพื่อขึ้นสู่ปรางค์ประธานชั้นบทสุด บริเวณนี้ต้องแต่งตัวเรียบร้อยนิดนึงค่ะ ห้ามใส่แว่นใส่หมวก ถึงจะสูงแต่บันไดก็มีราวให้จับ ตอนขึ้นไม่มีปัญหาอันใด แต่ตอนลงยังไม่ทราบชะตากรรม แต่ไหนๆมาถึงนครวัดแล้วไม่ขึ้นเขาประสุเมรได้อย่างไร

20 นครวัด_28 20 นครวัด_29 20 นครวัด_31

   ปรางค์ประธานด้านบนเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปค่ะ ถ่ายรูปจากกด้านบนไปที่ทางเข้าด้านหน้ารู้สึกเลยว่ามันสูงมาก เริ่มห่วงชีวิตตัวเองตนลงตะหงิดๆ ตอนเย็นๆเหนื่อยๆ แถมน้ำที่พกมาก็ดันหมด จะรอดชีวิตกลับไปตายที่บ้านไหมเนี่ย โชคดีอยู่หน่อยตอนขาลงมีเพื่อนลงด้วยเยอะ เลยไม่ค่อยน่ากลัว ประมาณว่าถ้าพลาดตกลงไปก็คงมีคนรับ(มั้งนะ) ลงมายืนข้างล่างได้ โล่งใจโข โชคชั้นที่ 2 คือ พอเราลงทางด้านหน้า บันไดมันซ่อนอยู่ในตัวอาคารมองไม่เห็นว่ามันสูงเลยเดินลงสบายๆ พอมายืนอยู่บนพื้นดินได้สำเร็จคิดอยู่อย่างเดียวคือ คนสมัยโบราณเค้าปีนขึ้นไปกัยยังไงเนี่ย บันไดสูง ชันมาก แถมไม่มีราวจับ ปิดฉากการท่องเที่ยววันที่ 2 ตอนพระอาทิตย์ตกดินพอดี พี่คนขับรถยังอุทาน very strong ของมันแน่อยู่แล้ว เสียตังค์ค่าเข้าตั้งวันละ 20$ คูณเป็นเงินไทยก็หกร้อยกว่าบาทเข้าไปแล้วนะท่าน หลังจากปฏิเสธข้อเสนอเรื่องสปาเท้า ก็แวะไปจองตั๋วรถขากลับ เพราะเพื่อนเราทาง 1 คนมีกำหนดกลับก่อน เพื่อความสะดวกเราก็เลยขอซื้อพ่วงไปด้วย กลับไปถึงที่พักวันนี้หลับฝันดีเลยทีเดียว

สรุปค่าใช้จ่ายวันที่ 2

ข้าวเช้า ที่ร้านข้าวในเขตอุทยาน    6$
ค่าน้ำมันไปบันทายสรี 3$
ข้าวกลางวัน 6$
รถกลับกรุงเทพ 20$
ทำบุญไหว้พระที่นครวัด 20฿
tip รถสามล้อ 150฿
น้ำขวด 0.5$

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชมรมรัก คลับมหาสนุก

ชื่อเรื่องภาษาไทย ชื่อเรื่องภาษาญี่ปุ่น ชมรมรัก คลับมหาสนุก ouran koukou host club เรื่อง และ ภาพ Bisco  hatori จำนวนเล่มทั้งหมด 18 สำนักพิมพ์ อ่านจบเมื่อ บงกชคอมมิคส์ 30 กรกฎาคม 2557 เรื่องย่อ            ฮารุฮิ เข้าเรียนในโรงเรียนโอรัง ที่แสนจะไฮโซด้วยทุนเรียนดี เธอใช้ชีวิตนักเรียนมัธยมปลายด้วยการแต่งตัวเป็นนักเรียนชาย     วันหนึ่งระหว่างหามุมสงบ ฮารุฮิเดินหลงเข้าไปในห้องดนตรี 3 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ host club ชมรมสุดเว่อร์ของโรงเรียน แถมยังซุ่มซ่ามไปทำแจกันราคา 8 ล้านเยนแตก รุ่นพี่ที่ชมรมจึงบังคับให้ฮารุฮิทำงานชดใช้  ฮารุฮิถูกจับแปลงโฉมเป็นหนุ่มน้อยหน้าสวยกลายเป็นหนึ่งใน Host ของชมรมที่รวบรวมสุดยอดหนุ่มเจ้าเสน่ห์ของโรงเรียน       ฮารุฮิรู้ตัวว่าชอบทามากิ แต่ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้าเพราะทามากิมีปมในจิตใจเรื่องครอบครัว สิ่งใดก็ตามที่อาจทำลายครอบครัวที่เขาสร้างขึ้น เจ้าตัวจะปฏิเสธโดยอัตโนมัติ ครอบครัวของทามากิหมายรวมสมาชิกชมรมโฮสท์คลับด้วย ฮิคารุจึงตัดสินใจบอกรักฮารุฮิ ซึ่งเป็นการทำตามความรู้สึกของตัวเองแต่ก็อยากช่วยกระตุ้นให้ทามากิทำความเข้าใจความรู้สึกของตัว

ปฐพีไร้พ่าย

    ชื่อเรื่อง ปฐพีไร้พ่าย เขียน Jiulufeixiang แปล Hongsamut จำนวนหน้า 865 สำนักพิมพ์ Hongsamut version Meb E book อ่านจบ 19 มีนาคม 2561 เรื่องย่อ      สิงอวิ๋นซื้อไก่ที่โดนถอนขนจนเหี้ยนผอมแห้งแรงน้อยมาจากตลาด ไก่ตัวนั้นคือ เสิ่นหลี อ๋องปี้ชางแห่งแดนอสูร นางหนีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์และพลาดท่าถูกกองทัพที่มาเชิญนางกลับแดนอสูรตามบัญชาของจอมอสูรทำร้ายจนบาดเจ็บ สิงอวิ๋นให้นางกินหมั่นโถวเป็นอาหาร จับเจ้าไก่ไร้ขนอาบน้ำ แถมยังใช้ให้เฝ้าบ้านเหมือนแกล้งกัน เพราะเขารู้ว่าไก่ตัวนี้ไม่ใช้ไก่ธรรมดา เสิ่นหลีจึงพยายามหนีจากเขาทันทีที่ร่างกายแข็งแรงพอแต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มักจะโดนจับลงหม้อเป็นไก่ตุ๋น สุดท้ายก็ต้องกลับมาตายรัง และเพราะสิ่งอวิ๋นอยากจะซื้อเนื้อให้เจ้าไก่โง่ของเขากิน ถึงได้เผยความสามารถที่ปกปิดมาตลอดจนผู้อื่นเข้าใจว่าเขาเป็นเทพพยากรณ์จนเรื่องราวเลยเถิดกลายเป็นความขัดแย้งกับองค์รัชทายาท เสิ่นหลีปกป้องชายหนุ่มไว้ได้ก็จริง แต่เมื่อบ้านที่สงบสุขถูกเผาจนวอด แค้นนี้ต้องชำระ สิงอวิ๋นจึงเสนอความช่วยเหลืออ๋องยุ๋ย โอรสที่เกิดจากพระสนมให้ชิงตำแหน่งรัชทายาท เสิ่นหลีใจจริงไม

อิทธิฤทธิ์คนอัจฉริยะ

ชื่อเรื่องภาษาไทย  -  อิทธิฤทธิ์คนอัจฉริยะ ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ  -  Super Star Academy จำนวนตอน  -  30 ตอน platform  -  WeTV ดูจบเมื่อ  - 15 มีนาคม 2563 เรื่องย่อ      เฉิงจือเอ๋อได้รับเชิญให้เข้าเรียนในโรงเรียน Star Academy เพราะ ผอ. เห็นว่าเธอน่าจะมีพลังพิเศษ เฉิงจือเอ๋อตัดสินใจตอบรับคำเชิญเพราะต้องการตามหาเด็กชายที่เคยช่วยชีวิตเธอไว้ เบาะแสเพียงอย่างเดียวมีเพียงเข็มกลัดของ Star Academy ฝ่ายประถมเท่านั้นเอง     เฉิงจือเอ่อพยายามตามหาเด็กชายที่เคยช่วยเธอเมื่อตอนเด็ก ๆ เฉิงจือเฮ่อสงสัยว่า ฟางเจียนเจ๋อ ดาวเด่นของ Star Academy ที่มีเรื่องด้วยตั้งแต่วันลองเสื้อก่อนเข้าเรียนคือเด็กคนนั้น แต่เขาไม่ยอมรับโดยให้เพื่อนรักของรับสมอ้างแทน ส่วนตัวเขาเองคอยตามดูแลหญิงสาวอยู่ห่าง ๆ     เรื่องของฟางเทียนเจ๋อทำให้มีคนหมั่นไส้เฉิงจือเอ๋อจึงแกล้งใส่ชื่อเธอสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน New Super Star เฉิงจือเอ๋อพยายามฝึกใช้พลังพิเศษแต่ก็ไม่สำเร็จ พยายามทำให้ตัวเองถูกตัดออกจากการแข่งก็ไม่สำเร็จอีก จนถึงวันลงแข่งเฉิงจือเอ๋อมีว่านซื่อฉุน เพื่อนสนิท และฟางเทียนเจ๋อที่มักโผล่มาช่วยตอนเวลาหน้าสิ่วหน้า