The Chronical of narnia

DSCF0862

ชื่อภาษาไทย อาชากับเด็กชาย
ชื่อภาษาอังกฤษ The Horse and His Boy
เขียน ซี.เอส. ลูอิส
แปล สุมนา บุณยะรัตเวช
จำนวนหน้า 258
สำนักพิมพ์ ผีเสื้อ
อ่านจบ 19 สิงหาคม 2560

เรื่องย่อ

   สมัยที่ปีเต้อร์เป็นจอมราชัยแห่งนาเนีย และน้อง ๆ ทั้ง 3 ของเขาเป็นพระราชาและพระราชินีอยู่ใต่อาณัติ

   บนดินแดนแห่งคาโลร์แมน ทาร์ข่านผู้หนึ่งเดินทางผ่านมาขอพักแรมในกระท่อมของอาร์ชีช ชายชาวประมงยากจน และเอ่ยปากขอซื้อเด็กที่เรียกเขาว่า พ่อ การสนทนาของทั้งคู่ทำให้ชาสต้าแน่ใจว่าเขาไม่ใช้บุตรของชาวประมงแต่เป็นเด็กที่เขาเก็บมาเลี้ยง จึงไปปรับทุกข์กับม้าศึกของทาร์ข่านที่เล็มหญ้าอยู่ ซึ่งม้าตัวนั้นเป็นม้าพูดได้ที่ถูกจับมาจากนาร์เนียเมื่อยังเล็ก ชื่อ บรี มันชวนให้ชาสต้าหนีไปนาเนียร์ด้วยกัน ซึ่งเด็กชายก็ตอบตกลงเพราะไม่เห็นหนทางอื่นที่ดีกว่า ระหว่างทางชาสต้าถูกสิงโตไล่จนได้มาร่วมทางกับ อะราวิส ทาร์ขินี ที่หนีการแต่งงานแบบคลุมถุงชนมากับ หะวิน ม้าพูดได้จากนาร์เนียเช่นกัน

    พวกเขาต้องข้ามเมืองทัชบาอัน เมืองหลวงของคาโลร์เมน ชาสต้าถูกคณะเดินทางจากนาร์เนียเข้าใจผิดว่าเป็นเจ้าชายคอร์รินที่เดินทางมาด้วยกัน และได้รู้เห็นการวางแผนหลบหนีเพราะพระนางซูซานทรงเปลี่ยนพระทัยเรื่องการแต่งงานกับเจ้าชายองค์โตแห่งทัชบาอัน อะราวิสที่หลงไปอีกทางได้พบเพื่อนเก่าและได้ทราบแผนการยกทัพม้า 200 นายบุกข้ามทะเลทราย และนำตัวพระนางซูซานเช่นกัน เมื่อเด็ก ๆ และม้าเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะรีบเดินทางข้ามทะเลทรายไปเตือนพระราชาแห่งอาร์เค่นแลนด์ พวกเขาเดินทางล้ำหน้ากองทัพของคาโลห์เมนเล็กน้อย จนกระทั่งล่วงถึงที่พักของนักพรตแห่งเขตเหนือ อะราวิสก็ถูกสิงโตโจมตีจนบาดเจ็บ ชาสต้าจึงต้องวิ่งไปแจ้งข่าวเพียงคนเดียว

     ชาสต้าเตือนพระราชาลูนให้กลับไปป้องกันเมืองได้ทัน แต่พลัดหลงจากขบวนเข้าไปในเขตแดนของนาร์เนีย และแจ้งข่าวแก่ประชากรของดินแดนนั้นเพื่อส่งข่าวต่อสู่แคร์ พาราเวล พระเจ้าเอ๊ดมันส์และพระนางลูซี่ยกทัพไปช่วยพระราชาลูนจนได้ชัยชนะ และความจริงปรากฏว่า ชาสต้าที่หน้าตาเหมือนคอร์ลินราวกับแกะคือพระโอรสฝาแฝดของพระราชาลูนที่ถูกลักพาตัวตั้งแต่ยังแบเบาะ แถมพระราชาลูนชวนให้อะราวิสอยู่ด้วยกันที่อาร์เค่นแลนด์

ตัวละครสำคัญ

ชาสต้า :

    เด็กกำพร้าที่อาร์ชีชชายชาวประมงยากจนแห่งคาโลร์เมนเก็บได้จากเรือที่เกยฝั่ง และนำมาเลี้ยงดูไม่ต่างกับเด็กใช้แรงงานถึงแม้จะอ้างตนว่าเป็นพ่อ

อะราวิส :

    ธิดาคนเดียวของทาร์ข่านขิดราช ญาติของทิสร็อค มารดานางสิ้นชีวิตแล้ว แม่เลี้ยงไม่ชอบใจนางจึงยุให้บิดายกนางให้ทาร์ข่านอะโฮสตา ซึ่งเป็นคนโปรดของทิสร็อค นางจึงตัดสินใจหนีออกมา

บันทึก…คนอ่าน

   เล่มนี้เคยอ่านจบมาแล้วรอบนึง ตอนช่วงที่หนังภาตตู้พิศวงออกมาใหม่ ๆ ก็ค่อย ๆ ทะยอยซื้อหนังสือในชุดมาอ่านจนครบ แต่ช่วงนั้นยังไม่ได้เขียนบันทึก ได้โอกาสนำมาอ่านอีกทีก่อนนำไปบริจาค นับเวลาจาก 2006 – 2017 ก็ราว ๆ สิบปีได้

    เรื่องนี้เป็นวรรณกรรมแฟนตาซีสมัยก่อนซึ่งเรื่องราวไม่ได้แฟนตาซีแบบโลดโผนโจนทะยาน ปรู๊ดปร๊าดเหมือนปัจจุบัน แต่มีจังหวะความละเมียดละไมเฉพาะตัวที่ทำให้อ่านเพลิน ยิ่งอัสลาน ผู้เป็นศูนย์กลางของเรื่องซึ่งมีร่างเป็นสิงโตตัวใหญ่ใจดี ชวนให้อยากโดนเข้าไปฟัดมาก ๆ ในเล่มนี้ยังมีตอนที่เขาแปลงร่างเป็นแมวมาอยู่เป็นเพื่อนชาสต้าที่ต้องนอนคนเดียวในสุสานเพื่อรอพรรคพวก เล่นเอาอยากโดดฟัดเจ้าเหมียวที่บ้านขึ้นมาติดหมัด

    เนื่องจากนาร์เนียเป็นแฟนตาซีที่ใสม๊าก แทยไม่มีเรื่องความรัก จะว่าไปเรื่องนี้ท่าจะโรแมนติกที่สุดในชุดซะละมั้ง มีเรื่องนี้แหละที่มีพระเอกนางเอกชัดเจน จากตอนแรกที่ไม่ถูกกัน จนยอมรับซึ่งกันและกัน และสุดท้ายก็สรุปแบบน่ารัก ๆ ว่า “อะราวิสเองก็มีปากเสียงกับเจ้าชายคอร์(บางครั้งถึงกับลงไม้ลงมือกัน) แต่กลับคืนดีกันเสมอ หลายปีต่อมา เมื่อโตขึ้นด้วยเหตุที่เคยชินการวิวาทและกลับคืนดีอยู่เนือง ๆ ทั้งสองจึงแต่งงานกัน เพื่อให้สะดวกในการกระทำเช่นนั้น”

 

ชื่อเรื่อง The Voyage of the dawn treader
ดูเมื่อ 22 ธันวาคม 2553
narnai5_FCuYvmjTue95320

เรื่องย่อ

     ลูซี่ กับเอ็ดมันต์ต้องไปพักที่บ้านของญาติ ทั้งสองคนต้องรับมือกับยูซตาสลูกพี่ลูกน้องนิสัยไม่ดี ทั้งสามคนถูกเวทมนตร์พาเข้าไปในโลกของนาเนียร์เพื่อช่วยเหลือกษัตริย์แคสเปี้ยนตามหาทั้งลอร์ดคนสนิททั้ง 7 ของพ่อของเขาที่ลูกเนรเทศออกมา ทั้งหมดโดยสารเรือที่บ่ายหน้าไปยังทิ้งทางที่ทั้ง 7 คนมุ่งไป นั่นก็คือ สุดขอบโลก คณะเดินทางค้นพบท่านลอร์ดที่เนรเทศออกมาทีละคนสองคน บางคนก็ยังมีชีวิตอยู่ บางคนก็ตายแล้ว ระหว่างเดินทางพวกเขาได้รับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เป็นภัยพิบัติอันยิ่งใหญ่ วิธีที่ใช้ต่อกรกับมันมีเพียง การนำดาบโบราณที่เป็นของขวัญจากอัสลานทั้ง 7 เล่มที่ติดตัวท่านลอร์ดแต่ละคนไปด้วย ไปวางบนโต๊ะอาหารของอัสลาน เพื่อสร้างปาฏิหาริย์

บันทึก…คนดู

     สำหรับเรื่องนี้ควบลูกแก้วไปดูที่ major ด้วยกันตอนวันพุธ วัตถุประสงค์เพื่อส่องสแกนดาร์ หรือ เอ็ดมัน โดยเฉพาะ หมายมั่นปั้นมือว่าจะดูแบบธรรมดา แต่ต้องรอนาน เลยได้ดูหนังแบบสามมิติในโรงธรรมดาเป็นครั้งแรกของทั้งสองคน

     สำหรับเรื่องความหล่อ ความสวยของตัวละคร ไม่มีใครทพให้ผิดหวัง ถึงแม้ว่าจะโทรม และดำไปบ้างเพราะตามเนื้อเรื่องทั้งหมดต้องรอนแรมอยู่ในเรือ แคสเปี้ยนนี่หนวดเฟิ้มมาเลย ในส่วนการดำเนินเรื่องค่อนข้างเป็นขั้นเป็นตอนเหมือนในหนังสือ สำหรับคนที่ชอบเรื่องแบบไวๆหน่อยอาจจะรู้สึกเบื่อ แต่สำหรับเราไม่เท่าไหร่ ดูคนดูฉากไปเรื่อยๆแค่นี้ก็คุ้มราคาแล้ว เอาเป็นว่าไม่ขอพูดซ้ำ เปลี่ยนมาเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์การดูหนังสามมิติแบบธรรมดาครั้งแรกดีกว่า ที่เขียนบอกว่าแบบธรรมดา เพราะเมื่อก่อนเคยดูหนังสามมิติในโรงมาก่อน ตอนนั้นจะมีฉายที่จอไอแมกซ์ขนาดยักษ์เท่านั้น แถมแว่นยังต้องใช้แว่นพิเศษที่ทำจาก ลิขวิด คริสตัล ทั้งใหญ่ทั้งหนา ตอนนั้นหนังที่รองรับระบบแบบนี้ล้วนแต่เป็นหนังสารคดีที่มีความยาวประมาณ 30 นาที ซึ่งถือว่ากำลังดี ซึ่งก็เห็นด้วย เพราะตอนดูเสร็จก็เวียนหัวแทบจะเดินเซออกมาจากโรงเลย ส่วนเรื่องความสมจริงนี้ไม่ต้องพูดถึง ของลอยมาตรงหน้าในระยะที่จับต้องได้จริงๆ เวลาถ่ายภาพมุมก้มนี่ต้องเอื้อมมือไปจับเก้าอี้กันเลย เพื่อให้แน่ใจว่าตูดยังอยู่บนเก้าอี้ กลับมาที่ระบบสามมิติในปัจจุบัน แว่นที่ใช้สวมเวลาชม จะเป็นแว่นที่มีเลนส์พลาสติก 2 สึ รูปร่างเหมือนแว่นกรอบหน้าทั่วไป ซึ่งก็ไม่ได้ก่อความรำคาญมากนัก ส่วนภาพที่ได้สำหรับเรื่องนี้ ไม่ได้โดดเด้งออกมามากมายสักเท่าไหร่ ระบบสามมิติช่วยในเรื่องของการแบ่งมิติระหว่างฉากหลัง กับนักแสดงเป็นส่วนใหญ่ ผิดกับหนังตัวอย่างเรื่อง yogee bear ที่ได้ดูก่อนหน้า อันนั้นโดดเด้งสุดๆ สรุปว่าถ้าจะดูหนังสามมิติ เลือกหนังที่เป็น animation คุ้มที่สุด

ความคิดเห็น