จันทราในเรือนเร้น

จันทราในเรือนเร้น

 

เขียน หูเตี๋ย
แปล มดแดง
สำนักพิมพ์ แจ่มใส
จำนวนหน้า 553

plot

  มีพระราชโองการให้ สวี่จื่อซิ่งแต่งให้กับตระกูลเฝิง โดยสามีของนางคือ เฝิงซานหลาง ผู้ถวายงานใกล้ชิดเพื่อกลบข่าวลือเรื่องเขากับองค์จักรพรรดิ ถึงแม้เขาจะดูเหมือนซากศพรูปงามเดินได้อีกทั้งเขาอาจจะเป็นพวกรักชอบบุรุษด้วยกันเหมือนข่าวลือจแต่จื่อซิงก็มุ่งมั่นทำหน้าที่ภรรยาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ซานหลางที่เคยถูกละเลยเมื่อภรรยาเอาใจใส่ก็ทำให้ความห่างเหินระหว่างกันค่อยๆ ลดลง

    สาเหตุที่ซานหลางเหมือนศพเดินได้ทุกวันนี้ เพราะเมื่อตอนอายุสิบสามวางเพลิงเผาศาลบรรพบุรุษ แถมยังขังสาวใช้ไว้ในนั้นจนถูกไฟคลอกตาย จื่อซิ่งตัดสินใจสองสืบดู โดยบอกสิ่งที่ตนคิดจะทำกับสามีตรงๆ ได้เรื่องมาจื่อซิ่งฟันธงว่า สามีของนางถูกใส่ร้าย ต้องแบกรับความผิดที่ไม่ได้ก่อ จื่อซิ่งยืนยันที่จะอยู่เคียงข้างเขาทำให้ซานหลางยอมเล่าอดีตของตัวเองให้นางทราบ สามีภรรยาเข้าอกเข้าใจกัน ทำให้ช่องว่างที่มีระหว่างกันหดแคบลง

    เพื่อความสบายใจ จื่อซิ่งจึงจัดระเบียบเรือนปลูกคุณธรรมเสียใหม่ เพื่อให้ซานหลางกับนางอยู่อย่างสุขกายสบายใจ แต่ก็ยังไม่วายถูกหาเรื่องอยู่เนืองๆ ซึ่งจื่อซิ่งก็เอาตัวรอดมาได้ทุกคน จนถึงขนาดแม่สามีร่วมมือกับบุตรชายฝาแฝดคนรองวางแผนทำลายเกียรติของนางเพื่อใช้เป็นข้อต่อรอง จื่อซิ่งจึงเล่าให้สามีฟังเพราะทนเก็บเอาไว้ต่อไปไม่ไหว ซานหลางที่โมโหจนขาดสติบุกเข้าไปในบ้านใหญ่หมายจะตายไปพร้อมกับพี่ชายฝาแฝด โชคดีที่พี่ชายใหญ่ให้สติเขาได้ทันก่อนเกิดเหตุเเลือดตกยางออก เพื่อแก้ไขสถานการณ์ซานหลางเดินทางเข้าวัง ตัดสินใจขายชีวิตให้จักรพรรดิ ซานหลางถูกตัดสินจำคุกโทษฐานวางอำนาจบาดใหญ่ จึงถูกขับออกจากตระกูล จื่อซิ่งย้ายออกจากบ้านสกุลเฝิงพร้อมหีบศพ 2 ใบของตนและสามี โดยมีบ่าวไพร่ที่ซื่อสัตย์ติดตาม ฝ่ายซานหลางแก้ข้อกล่าวหาที่ถาโถมเข้ามาของคนที่คอยโอกาสตกไปได้ทั้งหมด อีกทั้งสามารถจับหางคนของพระพันปีที่ชักใยอยู่เบื้องหลังได้ตามแผนของจักรพรรดิ ซานหลางได้รับการปล่อยตัวกลับไปหาภรรยาที่รอคอยเขาอยู่ทุกลมหายใจ

    ซานหลางแยกเรือนแตกสกุลเฝิงออกมาอีกสาย หลังได้หยุดพักหนึ่งเดือนเป็นการปลอบขวัญจากการถูกกักขังอย่างไม่เป็นธรรมซายหลางก็ต้องทุ่มเททำงานให้จักรพรรดิจนจื่อซิ่งต้องวุ่นกับการบำรุงร่างกายสามี ในที่สุดจักรพรรดิก็เริ่มเคลื่อนไหว เมื่อมีรับสั่งให้ซานหลางออกตัวราชการต่างเมืองแทนพระองค์ โดยซานหลางพาจื่อซิ่งไปด้วย เขาควบคุมการประหารพระประยูรญาติกับขุนนางฉ้อราษฎ์บังหลวงจนได้ฉายา พญายมหน้าตาย เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นในวังหลวง เมื่อพระพันปีลงมือตอบโต้รุนแรงเกือบถึงขั้นปลงพระชนม์จักรพรรดิและรัชทายาทองค์น้อย จักรพรรดิเจิ้งเต๋อจึงต้องยั้งมือปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามเสวยสุขชั่วคราว ก่อนจะลงมืออีกครั้งบีบให้พระพันปีต้องใช้ไพ่ตาย หลานอีกคนของนางที่เติบโตภายใต้การคุ้มครองของแม่ทัพโม่แห่งกองกำลังสงบอุดร

    แต่ทุกอย่างใช่ว่าจะเป็นไปดั่งใจนึก ถึงแม้จะสั่งการแม่ทัพและฮูหยิน ป้ายความผิดให้จักรพรรดิ แต่แม่ทัพน้อยยังยืนยันที่จะสืบทอดหน้าที่แม่ทัพพิทักษ์ชายแดน พระพันปีจึงหันไปร่วมมือกับต่างเฝ่าตามแนวชายแดน หลานคนเดียวขององค์จักรพรรดินำทัพออกต้านทานและหายสาปสูญในการศึก จักรพรรดิจตัดสินใจนำทัพไปด้วยพระองค์เอง โดยมีเจ้าชายน้อย ซานหลางและจื่อซิ่งตามเสด็จ ขวัญกำลังใจที่มาพร้อมภาพที่จักรพรรดิเสด็จออกแนวหน้าด้วยตัวเอง บวกกับความสามารถเบื้องหลังของจื่อซึ่งที่ได้รับการขนานนามว่า กวนอิมแคว้นต้าเหยียน ซานหลางได้กับกรแต่งตั้งเป็น ตัวแทนข้าหลวงใหญ่และผู้ตรวจการแทนพระองค์ดูแลประตูบ้านของอาณาจักร

charecter

สวี่จื่อซิ่ง :
     คุณหนูสี่ ธิดาภรรยาเอกของขุนนางนอกสังกัดกรมอาญา บิดาของนางมาจากครอบครัวยากจนหลังแต่งงานกับภรรยาตระกูลเจิง ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางที่ใจซื่อมือสะอาด ก็เปลี่ยนไปใช้สินเดิมของภรรยาอย่างหน้าไม่อาย แม่ของนางร่างกายอ่อนแอมาตั้งแต่กำเนิดและเสียชีวิตเมื่อนางอายุสิบสอง หลังจากนั้นก็ช่วยแม่เลี้ยงดูแลบ้านมาตั้งแต่อายุสิบสาม นางได้รับถ่ายทอดวิชาของท่านฟู่ซื่ออดีตชายาของปฐมกษัตริย์ที่ช่วยบุกเบิกแผ่นดินจากมารดาจึงมีวิชาบู๊บุ๋นติดตัวมากมาย แต่ด้วยชะตากรรมอันน่าเศร้าของนาง ทำให้ผู้สืบทอดสายเลือดเช่นนางล้วนเกลียดตระกูลมู่หรงเข้ากระดูกดำ
เฝิงซานหลาง :
     คุณชาย 3 ของตระกูลเฝิง ตระกูลใหญ่ของเมืองหลวง ขุนนางขั้น 7 เป็นผู้ถวายงานด้านอักษรซึ่งเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิ เมื่ออายุ 19  สอบได้ตำแหน่งทั่นฮวา พี่ชายใหญ่ต่างมารดาซึ่งดูแลกิจการค้าขายของตระกูล และพี่ชายฝาแฝดคนรองสอบได้บัณฑิตปลายแถว

log

     ไม่ได้อ่านมากกว่ารักมาพักใหญ่ รีวิวรอบนี้เห็นเพื่อนๆ อ่านกันหลายคน บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสนุก แถมใน web jamsai ขายหมดไปแล้วเลยลองบ้าง ไม่ผิดหวังค่ะ สนุกจริงๆ
     เรื่องนี้เปิดเรื่องมาก็ฮาเลยค่ะ กับการเข้าหอคืนแรก ซึ่งซานหลางนั้นตอนแรกฮีนอนเฉยๆ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้จื่อซิงต้องโดนจับถ่วงน้ำ เพราะคนทั่วไปจะเข้าใจว่านางไม่ได้เป็นหญิงพรรมจรรย์ ด้วยความที่ไม่อยากตายอย่างไรค่า เลยคิดจะกรีดข้อมือเอาเลือดมาตบตาพระเอกตื่นมาเจอ เลยจัดการให้แต่จื่อซิ่งเปรียบเทียบว่าเหมือนเข้าหอกับซากศพ แถมสามีของนางกับดูไร้เดียงสายิ่งกว่าเสียอีก ใช้คำว่า “พยายามจนเหงื่อแตกพลั่ก” เลยทีเดียว เนื่องจากครั้งแรกต้องเจ็บตัว จื่อซิ่งยังสงสัยเลยเถิดว่าทำไมพ่อของนางถึงแส่หาเรื่องด้วยการมีภรรยาน้อยมากมายด้วย หลังจากนั้นจื่อซิ่งก็ดูแลสามีตามหน้าที่ของภรรยาที่ดี จนสามีที่มีปมในใจของนางค่อยๆ เปิดใจ เพราะสิ่งเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในการดูแลเอาใจใส่ของจื่อซิ่ง

     ปกติชอบแนวนางเอกเก่งอยู่แล้ว จื่อซิ่งที่ เก่ง เริ่ด เชิด นี่ถูกจริตเรามาก นางแต่งเข้าบ้านวันแรกก็จัดระเบียบในบ้านซะอยู่หมัด เอาตัวรอดได้ทุกสถานการณ์ยกเว้นตอนสามีหื่นใส่ ช่วงแรกๆ ที่จื่อซิ่งเอาแต่ถามตัวเองว่าเขารังเกียจตนหรือไม่ สลับกับนินทาสามีจอมเย็นชาโดยเริ่มต้นประโยคว่า สามีเจ้าในใจ หลังจากนั้นก็พัฒนาเป็นแอบมาตะกุยประตูระบายอารมณ์ ตรงนี้การสื่อความในใจของซานหลางด้วยการค่อยๆ เถิบไปใกล้ๆ นางเอกตอนนอนน่ารักดี ยิ่งตอนวันส่งท้ายปี หลังจากคุกเข่าหน้าโต๊ะเซ่นไหว้จื่อซิงก็เริ่มรู้ตัวว่ารู้สึกยังไงกับซานหลาง เป็นฉากสั้นๆ ที่ซึ้งดี   

     ส่วนซานหลางพระเอกของเราซึ่งชีวิตบัดซบในช่วงแรกจนน่าสงสารนั้น (ตอนเล่าเรื่องเฝิงอี๋เหนียง โครตเศร้า) หลังจากได้จื่อซิ่งมาคอยดูแลเอาใจใส่ก็ค่อยๆ เริ่มจะเป็นผู้เป็นคนขึ้นมา หนุ่มรูปงาม เก่งแต่มีปม มือปลาหมึกกับนางเอกคนเดียวเนี่ย พระเอกในอุดมคติเราเลย หลังจากตัดสินใจได้ว่าอยากใช้ชีวิตอยู่กับจื่อซิ่ง ก็เริ่มสำแดงเดช รักเมียดูแลเมีย โอ๊ย ชอบ ตอนช่วงหลังของเล่มนี่พอรู้ใจตัวเอง ล่อลวงภรรยาให้รักได้อย่างต่อเนื่องก็มีการหื่นใส่ภรรยา ที่ทำให้คนอ่านฟินแก้มแดงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นฉากในห้องอุ่น ถังน้ำที่กระฉอกไปเสียครึ่ง ที่เด็ดสุดคงจะเป็นมุกผีผานี่แหละ

     หลังจบเล่ม 1 ซึ่งเน้นที่การพัฒนาความสัมพันธ์ของสามีภรรยา ซึ่งเมื่อทั้งสองรักใคร่จับมือกันผ่านทุกข์ใหม่หลวงมาได้ ในเล่ม 2 ก็เริ่มมีกลิ่นอายการเมืองไม่ว่าจะเป็นการผูกมิตอนช่วงหลังของเล่มนี่พอรู้ใจตัวเอง ล่อลวงภรรยาให้รักได้อย่างต่อเนื่องก็มีการหื่นใส่ภรรยา ที่ทำให้คนอ่านฟินแก้มแดงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นฉากในห้องอุ่น ถังน้ำที่กระฉอกไปเสียครึ่ง ที่เด็ดสุดคงจะเป็นมุกผีผาตรกับบรรดาภรรยาของพวกพ่อค้าอย่างต่อเนื่องของจื่อซิ่ง ความขัดแย้งของพระอัครมเหสีกับซานหลางที่ขวางทางสู่ห้องทรงพระอักษรซึ่งดันเป็นวันครบรอบแต่งงานของทั้งคู่พอดี สองสามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียวคู่นี้เลยได้สำแดงอีกด้านของความแสบออกมา

     สีสันของเรื่องที่ลืมไม่ได้ตั้งแต่ท้ายเล่ม 1 เฉพาะในเล่ม 2 ที่เรื่องอิงการเมืองแบบสุดๆ หลังจากพระนางเค้าสาดน้ำตาลใส่กันในเล่ม 1 นั่นก็คือ องค์จักรพรรดิเจิ้งเต๋อที่ทรงพระเกรียนได้น่ารัก(และน่าถีบในบางครั้ง) จักรพรรดิผู้ปรีชาแต่กับข้าราชบริพาลเหมือนอันธพาลบนบัลลังก์ ที่วาลาขัดใจจะมีวลีเด็ดว่า “ไม่เป็นแล้ว ใครอยากเป็นก็มาเป็น ข้าจะกลับหนานตู” เราชอบวิธีการพูดของจักรพรรดิมาก ยกเครดิตให้คนแปล คือมันได้อารมณ์อันธพาลแต่ก็ไม่หยาบคายจนเกินไป ชีวิตของพระเองเหมือนจะมีแต่เรื่องน่าสนุก วางแผนการเมืองโน่นนี่แต่ในขณะเดียวกันก็น่าสงสาร เข้าทำนองยิ่งสูงยิ่งหนาว ตอนที่ทรงคิดว่าถ้าตัวเองเป็นไรไป คนสำคัญต้องลงหลุมไปด้วยนี่น่าเห็นใจมาก
     แต่ใช่ว่าไม่มีข้อตินะคะ คือในเรื่องมันมีเหตุการณ์ที่จู่ๆ โผล่มาแล้วคนอ่านงง คือ โลงศพอันที่ 2 ที่เล่าว่าจื่อซิ่งหามาตั้งคู่กับของซานหลง กับ ไข่มุก 10 เม็ด ที่จื่อซิ่งเอาไปหุ้นค้าขายใบชากับท่านตาโจว ที่ดันพูดถึงขึ้นมาในฉากสำคัญ ที่คนอ่านกำลังจะอิน คือ ตอนที่ซานหลางพาจื่อซิ่งไปเรือนที่เคยถูกขัง หรือ ตอนที่ซื้อของให้ ตอนนั้นแทนที่จะ in กลายเป็นงงว่าของที่พูดถึงเนี่ยตรูเคยรู้มาก่อนป่าวฟระแล้วต้องเปิดกลับไปหา ซะงั้น

favorite scene

ตอนที่ 7
   หลังจากภรรยาบอกว่าให้ใช้เงินสองตำลึงที่ใส่ไว้ในในกระเป๋าสตางค์บ้าง ซานหลางเลยซื้อปิ่นกับตุ้มหูมุกมาให้จื่อซึ่ง ทั้งที่ไม่ใช่ของสวยงามหรือมีราคาค่างวด แต่นางตั้งใจว่าตุ้มหูและปิ่นเหล่านี้นางเอกจะยึดเอาไว้ใส่เองจนเข้าโลง แม้แต่บุตรชายบุ๖รสาวก็อย่าหวังจะได้แตะ
    “ข้าไม่ต้องการของที่จักรพรรดิทรงพระราชทาน ข้าชอบของที่สามีข้าซื้อให้”
     ฉากนี้อ่านแล้วซึ้งมากๆ
ตอนที่ 11
    ซานหลางน่ารักมาก อ่านแล้วหลงรักมากถึงมาที่สุด  “ข้าทำไม่ได้หรอก ข้าทนแบกรับชีวิตคนจำนวนมากมายขนาดนั้นไม่ได้ ขอโทษนะซิ่งเอ๋อร์ ข้าทำให้เจ้าลำบาก ข้าดึงเจ้ามาลำบากด้วยทั้งชีวิต…แต่ให้ข้าดึงเจ้ามาลำบากด้วยเพียงคนเดียวเถิดนะ” ตบท้ายด้วยฉาก ท่านเขยเก็บดอกซิ่งมาลอยน้ำให้ภรรยาด้วยตัวเอง ละลาย

ความคิดเห็น